Friday, July 10, 2015

Pseudolithos migiurtinus เจ้าต้นคางคก ไม้อวบนํ้าสุดแปลก


               Pseudolithos หรือเจ้าต้นคางคกต้นนี้ผมเริ่มเลี้ยงมาตั้งแต่เมื่อประมาณปลายปีก่อน ซึ่งตอนที่ผมซื้อเค้านั้นต้องบอกตามตรงว่าผมไม่รู้จักไม้อวบนํ้าชนิดนี้เลยสักนิด โตขึ้นมาแล้วจะมีหน้าตายังไง มีดอกแบบไหน สวยงามหรือไม่ ก็ยังไม่เคยเห็นมาก่อน และก็แน่นอนว่าไม่รู้ว่าเค้าเลี้ยงยังไง ชอบอากาศแบบไหน ดินปลูกต้องมีส่วนผสมอะไรบ้างก็ไม่รู้เลยสักอย่าง แต่เหตุผลที่ซื้อนั้นก็เพียงเพราะว่าเค้าเป็นไม้ที่มีลักษณะที่แปลกดี ก็เลยอยากที่จะลองปลูกดูก็เท่านั้น


อันนี้เป็นภาพตอนที่ได้มาใหม่ๆ ครับ รูปทรงต้นตอนนั้น กลมดีจริงๆ ต่างจากตอนปัจจุบันนี้มากมายนัก


                อย่างที่บอกไปว่าตอนที่ได้มาแรกๆ นั้นผมไม่รู้แนวทางในการปลูกเลี้ยงไม้ชนิดนี้เลย เพราะฉะนั้นในการเริ่มต้นของการปลูกเจ้าต้นนี้ของผมจึงต้องมีการหาข้อมูลกันอยู่พอสมควร ซึ่งวิธีการหาข้อมูลของผมนั้นก็คงเหมือนกันกับที่หลายๆ ท่านทำ นั่นก็คือการไปเสิร์ทหาเอาในเน็ตนั่นเองครับ ก็เรียกได้ว่าช่วงนั้นก็ต้องขอบคุณกูเกิลเป็นอย่างมากที่ช่วยทำให้การปลูกต้นไม้นั้นไม่ยากจนเกินไปนัก เราสามารถเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ได้อย่างรวดเร็วเลยทีเดียวครับ


                และจากการที่ไปค้น ไปอ่านตามเว็บต่างๆ ที่พี่ๆ หลายท่านได้เขียนเอาไว้ ก็พอจะทำให้ผมได้ทราบว่า เจ้า Pseudolithos นั้นเป็นไม้ที่ชอบแดดมากๆ ไม่ค่อยชอบความชื้นสักเท่าไร ในการให้น้ำนั้นควรจะรดก็ต่อเมื่อดินแห้งเท่านั้น ห้ามเอาไปตากฝนเพราะจะมีโอกาสเน่าตายสูงมาก ซึ่งพอได้ทราบข้อมูลมาประมาณนี้ ผมก็เลยลองเอามาปรับใช้กับการปลูกเจ้าต้นนี้ของผมดูบ้าง


              โดยเริ่มแรกนั้น ผมก็เริ่มจากการเปลี่ยนดินก่อนเลย เพราะผมไม่รู้ว่าไม้ที่ซื้อมานั้นดินที่เค้าใช้เป็นสูตรที่เหมาะสมกับสถานที่ปลูกของผมหรือไม่ เพราะฉะนั้นการเปลี่ยนดินจึงค่อนข้างสำคัญเป็นอย่างมาก โดยสูตรดินที่ผมใช้กับเจ้าต้นนี้นั้น เป็นดินผสมที่นำเอาดินสำหรับปลูกแคคตัสมาผสมกับพวกหินภูเขาไฟเพื่อเพิ่มความโปร่งให้มากขึ้น เพราะที่บ้านของผมนั้นลมค่อนข้างจะอับไม่ค่อยมีลมพัดผ่านสักเท่าไรนักเพราะมุมมันปิด เพราะฉะนั้นจึงค่อนข้างมีปัญหา คือดินปลูกปรกติจะแห้งช้าเพราะไม่มีลมช่วยพัด จึงต้องแก้ด้วยการเปลี่ยนดินให้โปร่งให้ระบายน้ำได้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ต่อให้พื้นที่จะอับลมอย่างน้อยก็ยังจะพอช่วยให้ดินไม่ชื้นสะสมนานเกินไปนัก อะไรประมาณนั้น


              หลังจากผ่านเรื่องดินปลูกไปแล้ว ต่อมาก็เป็นเรื่องของแดดและน้ำกันบ้าง ซึ่งจากการที่ไปอ่านเจอว่าเจ้า Pseudolithos ชอบแดดเป็นอย่างมากแต่ไม่ชอบน้ำมากๆ และโดนฝนไม่ค่อยจะได้จะมีโอกาสเน่าง่าย จุดวางกระถางของเจ้าต้นนี้ผมก็เลยพยายามที่จะให้เค้าโดนแดดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยที่จะต้องไม่โดนฝนสาดใส่ ซึ่งจุดวางที่ผมพอจะหาได้นั้นแดดอาจจะไม่มากสักเท่าไร คือโดนแดดแค่ประมาณ 4-5 ชั่วโมงต่อวัน ในช่วงเช้าถึงเที่ยง แต่คือไม่โดนฝนแน่ๆ เพราะอยู่ใต้หลังคา ซึ่งจากที่ปลูกเจ้าต้นนี้มาปีครึ่งกว่าๆ ผมว่าก็พอไหว ถึงแม้ว่าแดดจะไม่มากเท่าไรจนทำให้เกิดปัญหาต้นยืดยาวไม่กลมสวยเหมือนตอนที่ได้มาแรกๆ แต่ก็หายห่วงเรื่องเน่าตายเพราะไม่โดนฝนสาด และผมจะรดน้ำเฉพาะตอนที่เห็นว่าดินของเค้าแห้งสนิทเท่านั้น เพราะฉะนั้นตลอดระยะเวลาที่ปลูกมาจึงไม่มีแนวโน้มว่าจะเกิดปัญหาต้นเน่า และการเจริญเติบโตก็เป็นไปอย่างเรื่อยๆ พอได้เห็นการเปลี่ยนแปลงบ้างเป็นระยะ และมีการออกดอกให้ได้ชมกันอยู่บ้างนานๆ ครั้ง

( อัพเดทนะครับ ปัจจุบันในการปลูก ผมปรับเปลี่ยนสถานที่ปลูกใหม่ ซึ่งได้รับแสงแดดอย่างสมํ่าเสมอตลอดทั้งวัน ซึ่งมันให้ผลที่ดีกว่ามากๆ ไม้เติบโตได้ดีกว่า ฟอร์มต้นดีกว่าเลี้ยงแบบแดดน้อย เพราะฉะนั้นผมแนะนำว่าเลี้ยงแบบให้เค้าได้รับแสงแดดเต็มวันเลยจะดีกว่านะครับ )


              พูดถึงเรื่องการออกดอกของเค้าแล้วนั้น อันนี้เป็นเรื่องนึงที่โดดเด่นมากสำหรับเจ้าต้นคางคก ที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ ถ้าท่านกำลังสนใจที่จะปลูกไม้ชนิดนี้ และโดยเฉพาะถ้าท่านประทับใจในสีสันหรือลักษณะดอกของเค้า แต่ไม่ทราบความพิเศษของดอกของเจ้าต้นนี้มาก่อนว่าคืออะไร ผมขอบอกเลยว่าดอกของเจ้าต้นคางคกนั้น มีกลิ่นเหม็นนะครับ เป็นกลิ่นที่ค่อนข้างจะเตะจมูกพอสมควรเลยทีเดียวด้วย ซึ่งเรื่องนี้เนี่ยตอนแรกที่ผมปลูกเค้าใหม่ๆ ผมก็เคยไปอ่านเจอมาเหมือนกันว่าเจ้าต้นนี้มีดอกมีกลิ่นฉุน แต่สำหรับผมนั้นไม่ซีเรียสกับเรื่องนี้เท่าไรนัก ผมชินแล้วเพราะปลูกต้นไม้มาเยอะ ต้นอุตพิต ที่ว่ากลิ่นแรงๆ ผมยังเคยลองมาแล้ว เพราะงั้นกลิ่นเหม็นของดอกเจ้าต้นนี้จึงไม่เป็นปัญหากับผม แต่ถ้าท่านไม่ชอบไม้ที่มีกลิ่นเหม็นล่ะก็ ผมว่าท่านต้องไม่ประทับใจในกลิ่นของดอกของเจ้าต้นคางคกเป็นแน่ เพราะกลิ่นของเค้านั้นเหม็นจริง แค่เดินผ่านใกล้ๆ ตอนที่เค้าออกดอกก็ได้กลิ่นลอยมาแล้วครับ เพราะงั้นก็ลองพิจารณาดูนะครับว่าชอบไม้แนวนี้หรือไม่


                 สำหรับเรื่องราวอื่นๆ ของเจ้าต้นนี้ ก็ไม่มีอะไรแล้วล่ะครับ ตั้งแต่ผมปลูกเค้ามา เค้าเป็นไม้ที่ค่อนข้างที่จะไม่มีปัญหากับผมสักเท่าไร จะติดก็แค่เรื่องเดียวคือพอโตมาแล้วต้นยืดทรงไม่กลมสวยก็เท่านั้น ซึ่งมันเป็นข้อจำกัดที่ผมแก้ไม่ได้จริงๆ เพราะต้นยืดมาตั้งแต่ตอนเล็กๆ ย้อนกลับคืนไปไม่ได้แล้วล่ะครับ ยืดไปแล้วหดกลับไม่ได้แล้ว แต่นอกเหนือจากเรื่องนี้ก็ไม่มีอะไรแล้วล่ะครับ เป็นไม้ที่ผมคิดว่าเลี้ยงได้ไม่ยากเกินไปนัก เพราะฉะนั้นถ้าท่านอ่านบทความนี้แล้วเกิดความรู้สึกว่า อยากปลูก อยากลองเลี้ยงดูบ้างล่ะก็ ต้องลองดูครับ ลองหามาเลี้ยงสักต้นสองต้นดูว่าจะเป็นยังไง


                สำหรับไม้ประเภท Pseudolithos นั้นมีราคาหลายระดับ เพราะเค้ามีหลายสายพันธุ์ ถ้าเป็นต้นอย่างที่ผมเลี้ยงนั้น จะเป็นสายพันธุ์ที่ชื่อว่า Pseudolithos  migiurtinus ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ผมคิดว่ามีราคาที่ถูกที่สุดในบรรดาสายพันธุ์ต่างๆ ของ Pseudolithos แล้วล่ะครับ ซึ่งสนนราคานั้นก็ประมาณ 100 ขึ้นไปแล้วแต่ขนาด ( อัพเดทปัจจุบันปี 2018 น่าจะ 200 ขึ้นไป ) ต้นเล็กก็ถูกหน่อย ต้นใหญ่ทรงสวยก็แพงขึ้นไปอีก แต่ถ้าเป็นสายพันธุ์อื่นๆ ล่ะก็ราคาก็จะสูงกว่านี้ แล้วแต่ลักษณะและความหายาก ซึ่งแหลงซื้อขายนั้นผมเองก็ไม่ทราบแน่ชัดว่าที่ไหนมีขายบ้าง แต่ที่สวนจตุจักรนั้นน่าจะมีขาย เพราะผมเองก็ซื้อมาจากที่นั่น ส่วนที่อื่นนั้นผมไม่ทราบจริงๆ ครับ แต่ถ้าเป็นตามในเน็ตล่ะก็ผมเคยเห็นมีคนนำมาลงขายในเน็ตบ้าง นานๆ ครั้ง เพราะงั้นก็ต้องลองค่อยๆ หากันดูนะครับ ผมคงช่วยอะไรในเรื่องการซื้อขายไม่ได้จริงๆ เพราะผมก็มีแค่ต้นนี้ต้นเดียวนี่แหละ


               ผมขอปิดบทความนี้ลงที่ตรงนี้ก็แล้วกันนะครับ เอาไว้ถ้ามีเรื่องราวอะไรที่เกี่ยวกับ Pseudolithos  migiurtinus หรือเจ้าต้นคางคกต้นนี้เพิ่มเติม ผมค่อยมาเขียนใหม่ในอนาคตก็แล้วกัน สุดท้ายนี้ก็ขอฝากเพจของบล็อกของเราด้วยก็แล้วกันนะครับ สามารถไปทักทายพูดคุยกันได้ ตามลิงก์ด้านล่างนี้เลยครับ

No comments:

Post a Comment

Note: Only a member of this blog may post a comment.