เจ้าแมมมิลลาเลียคามิเน่ ( mammillaria carmenae ) ต้นตามภาพด้านล่างนี้ เป็นไม้ที่ผมซื้อมาเลี้ยงได้เป็นปีแล้วล่ะครับ
เค้าเจริญเติบโตมาเรื่อยๆ ออกดอกบ้าง แต่ตอนช่วงหลังๆ คงเป็นเพราะผมวางเค้าไว้ในจุดที่ไม่ค่อยได้รับแสงแดดอย่างพอเพียง ต้นก็เลยยืด ทรงต้นดูไม่สวยสักเท่าไร ไม่ยอมออกหน่อ ผมก็เลยตัดสินใจว่าจะจับมาปาดยอด ส่วนนึงเพื่อให้เค้าแตกหน่อ แตกกอเป็นทรงสวย และอีกส่วนนึงก็เพื่อที่จะขยายพันธุ์เพิ่มจำนวนเค้าด้วย และนี่ก็เลยกลายมาเป็นเรื่องราวในวันนี้ครับ
สำหรับวิธีการในการปาดยอดนั้นก็ไม่ยากเลยครับ มีดคมๆ สักเล่มนึง
โดยที่ผมจะตัดตามแนวที่มีดขีดไว้นี้ ประมาณครึ่งต้น จริงๆ ก็แล้วแต่เลยครับ จะปาดบนกว่านี้หรือล่างกว่านี้ก็ได้ แต่ผมเอาประมาณนี้
ปาดเรียบร้อยแล้วก็จะได้เป็นแบบนี้
ในส่วนของลำต้นหรือส่วนฐานของแมมคามิเน่ที่เราปาดผ่ายอดออกไปนั้น ผมจะใช้ผงอลูมินั่มทาปิดปากแผล ซึ่งผงอลูมินั่มจะช่วยในการปิดปากแผลลดการคายน้ำ ทำให้แผลแห้งเร็วขึ้น ประมาณนั้น
ผงอลูมินั่มผมไม่แน่ใจว่าเดี๋ยวนี้มีขายที่ไหนบ้าง พอดีผมซื้อมาตลับนึงเป็นปีแล้ว จากงานแคคตัสแฟร์ แต่หลังๆ ผมไม่ค่อยได้ไปไหนเลยไม่รู่ว่าที่ไหนมีขายอีกบ้าง
ทาผงอลูมินั่มแล้วทาตรงแผลที่เราผ่าไป ทาสดๆ ได้เลยครับ
ถ้าท่านไม่มีหรือไม่อยากซื้อผงอลูมินั่มหรือไม่อยากทาก็ไม่ต้องทาก็ได้นะครับ
ไม่ทาอะไรเลยก็ไม่มีปัญหา แค่ผมมีอยู่ผมก็เลยใช้ ถ้าผมไม่มีผมก็ไม่ใช้ครับ
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ซีเรียสแต่อย่างใดครับ
เรียบร้อยแล้วแบบนี้เราก็จะนำส่วนลำต้นหรือฐานของเค้าไปเก็บในที่ร่มรำไร ได้รับแสงแดดอ่อนๆ อย่าให้โดนฝน อย่าให้แผลเปียกน้ำนะครับ รดน้ำได้นะ แต่อย่ารดโดนแผล เวลาจะรดน้ำก็เลี่ยงๆ เอา รดลงดินหรือยกกระถางไปจุ่มน้ำเอานะครับ เพราะถ้าแผลเปียกน้ำเดี๋ยวแผลจะติดเชื้อจนเน่าตายได้ เก็บไว้อย่าให้แผลโดนน้ำสัก 2 สัปดาห์แผลก็จะแห้งและกลับมาเลี้ยงตามปรกติได้ครับ
ส่วนยอดของเค้านั้น ผมจะทาผงเร่งราก ถ้าท่านมีพวกยาน้ำเร่งรากก็ทาได้เช่นกัน หรือถ้าไม่มียาเร่งรากเลยล่ะก็ไม่ต้องทาอะไรเลยก็ได้ครับ
หลังจากที่ทายาเร่งรากเรียบร้อยแล้ว ผมจะยังไม่เอาไปลงปลูกนะครับ แต่จะเอาไปวางผึ่งไว้เพื่อรอให้แผลแห้งสัก 2 สัปดาห์เสียก่อน ก็เอาไปวางไว้ในที่ร่มรำไร ผมก็วางไว้ในบ้านนั่นแหละ
อีก 2 สัปดาห์ค่อยว่ากัน ไม่ต้องกลัวนะครับว่าวางผึ่งไว้แล้วจะตาย ไม่ตายหรอก อย่างมากต้นก็อาจจะนิ่มนิดหน่อยจากการขาดน้ำ แต่เค้ายังแข็งแรงดีครับ
2 อาทิตย์ผ่านไป ส่วนยอดของเค้ายังอยู่ครับ แต่เริ่มมีอาการขาดน้ำ สังเกตได้จากตรงรอยแผลมีการยุบตัว แต่ไม่น่าเป็นปัญหา เดี๋ยวเราจะเอาไปลงปลูกกัน
ดินปลูกที่ผมใช้ก็เป็นดินแคคตัสทั่วไปนั่นล่ะครับ ตามรูปเลย
ลงปลูกแล้วครับ
หันมาดูมุมนี้ เห็นตุ่มสีขาวๆ ตรงด้านข้างลำต้นมั้ยครับ นั่นคือดอก เค้าออกดอกมาเฉยเลยครับ
หลังจากลงปลูกเสร็จเราก็จะทำการรดน้ำ เสร็จก็จะนำเค้าไปเก็บอนุบาลไว้ในจุดที่มีแสงแดดส่องรำไร จะไม่ให้โดนแดดจัด ไม่ตากฝน
รอจนเค้าเริ่มออกรากและต้นเริ่มมีการเจริญเติบโตยอดเดินเมื่อไร ค่อยย้ายไปเลี้ยงตามปรกติ
เรื่องการออกรากนั้น ผมไม่สามารถตอบเป็นระยะเวลาที่แน่ชัดได้ว่ากี่วันถึงจะออกราก ไม่แน่ไม่นอน แล้วแต่ต้น แล้วแต่สภาพอากาศด้วย เพราะนั้นที่ทำได้คือต้องอดทนรอคอย
ในเรื่องของการรดน้ำนั้น ผมมีหลักแค่ว่า ถ้าดินชื้นยังไม่ต้องรด รดน้ำเมื่อดินแห้งสนิทเท่านั้น
วันเวลาผ่านไปนานเกือบเดือนเลยครับกว่าที่เค้าจะเริ่มออกรากและมีการเจริญเติบโต
ผมไม่มีภาพตอนที่เค้าออกรากนะครับ ไม่ได้ขุดขึ้นมาเพราะกลัวรากช้ำ ไม่มีต้นสำรองด้วยเลยอยากให้มันสำเร็จด้วยดี ก็เลยไม่ไปยุ่งแต่ หลังจากที่เค้าออกรากยอดเริ่มเดินผมก็ย้ายเค้ากลับเข้าไปเลี้ยงในโรงเรือนตามปรกติเหมือนเลี้ยงแคคตัสทั่วไปครับ
ตัดภาพมา นี่เป็นภาพส่วนของต้น หรือส่วนฐานหลังจากที่ตอนก่อนหน้าเราบอกว่าเรารอให้แผลเค้าแห้งก็สามารถเลี้ยงได้ตามปรกติ อันนี้คือ 1 เดือนกว่าๆ นับจากวันที่เราปาดยอดเค้าออกไป เค้าก็เริ่มที่จะแตกยอดใหม่ออกมาเริ่มมีพัฒนาการการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ผมจับเปลี่ยนกระถางไปใส่กระถางที่ใหญ่ขึ้น
ด้านข้างลำต้นของเค้าก็เริ่มแตกหน่อขึ้นมาด้วย และหน่อของเค้าก็มีพัฒนาการที่ดี โตค่อนข้างเร็ว แบบนี้มีโอกาสได้เห็นเค้าแตกเป็นกอสวยๆ แล้วล่ะครับ
ก็ถือว่าผ่านไปได้ด้วยดีสำหรับส่วนฐานของเค้า เป็นไปตามที่หวัง
ภาพนี้คือ ประมาณ 5 เดือนกว่าๆ นับจากวันที่เราปาดยอดเค้าไป
ทั้งส่วนยอดและส่วนฐานต่างก็เจริญเติบโตดี ต้นสมบรูณ์มากๆ ออกหน่อดีเลย
จากจุดเริ่มต้น เจ้าแมมคามิเน่ทรงต้นยืด ตอนนี้เราได้เป็นสองต้น และมีหน่ออีกมากมายให้เราสามารถแยกมาขยายพันธุ์เพิ่มจำนวนได้อีกเรื่อยๆ หรือจะเลี้ยงเป็นฟอร์มกอสวยๆ ก็ดูดี ซึ่งผมเลือกทางนั้นนั่นล่ะ เลี้ยงเป็นกอสวยๆ
ถือว่าผ่านไปได้ด้วยดีนะครับสำหรับการปาดยอดแคคตัสในครั้งนี้ จะเห็นนะครับว่าในส่วนวิธีการนั้นไม่ยาก เพียงแต่ต้องอดทนรอเวลาเท่านั้นเอง อย่างผมนั้นผมบอกเลยว่าระหว่างการรอคอยให้เค้าออกราก รอให้เค้าออกหน่อ ผมแทบไม่ยุ่งเลยนะครับ ผมจะไม่ไปหยิบ ไปจับ ไปขุดดูอะไรแบบนั้นเลยนะ ก็เลยไม่ค่อยมีรูปในช่วงนั้น เพราะจากที่ผมชำหน่อ ชำกิ่งมานับไม่ถ้วน ถ้ามันจะติด มันถึงเวลาที่เหมาะสมมันก็ติด แค่ต้องระวังในเรื่องความชื้น ต้องไม่ชื้นเกินไป ไม่แฉะเกินไป ใม่ใจร้อนเท่านั้นเองครับ
ก็ประมาณนี้ครับสำหรับเรื่องราวในคราวนี้ ช่วงนี้ผมงานยุ่งมากๆ ก็เลยอาจจะไม่ค่อยมีเวลามาเขียนบทความหรือพูดคุยตอบคำถามสักเท่าไร ก็ต้องขอโทษด้วยนะครับ บางท่านส่งคำถามเข้ามาแล้วผมไม่ได้ตอบ หรือตอบน้อยไม่ละเอียด
แล้วพบกันใหม่นะครับ
เพจของเรา https://www.facebook.com/chowcactus
No comments:
Post a Comment
Note: Only a member of this blog may post a comment.