Friday, July 3, 2015

astrophytum capricorne อีกหนึ่งแคคตัสดอกใหญ่


             เดิมทีเจ้า แคคตัส แอสโตรไฟตัม แคปริคอร์น ไม่ใช่ไม้ในสายที่ผมนิยมสักเท่าไร เพราะรูปลักษณ์ภายนอกของเค้าที่ผมเคยเห็นมานั้นมันค่อนข้างจะดุดันไปสักนิด โดยเฉพาะตอนที่ต้นของเค้าโตเต็มที่นั้นจะมีรูปทรงและหน้าตาที่ค่อนข้างจะออกแนวโหด ต้นใหญ่ หนามยาวมาก ซึ่งมันโดนใจผมเลยแม้แต่น้อย ผมก็เลยไม่ค่อยอยากจะซื้อแอสโตรไฟตัมตัวนี้เก็บไว้เท่าไรนัก


            แต่ถึงแม้จะรู้สึกว่าไม่ถูกใจ ไม่ใช่แนว แต่สุดท้ายแล้วผมก็ได้เค้ามาเลี้ยงจนได้ ซึ่งเป็นความบังเอิญที่ผมก็คาดไม่ถึงเหมือนกัน


                ตอนที่ผมได้เจ้าต้นนี้มานั้น มันเกิดมาจากการที่ผมไปซื้อแคคตัสต้นละยี่สิบบาทจากร้านขายแคคตัสร้านนึงเข้า ซึ่งตอนนั้นผมไม่รู้ว่าเจ้าต้นนี้คือแคปริคอร์น เพราะตอนนั้นเค้าต้นเล็กมากๆ มีขนาดแค่ประมาณ 2 เซนติเมตร เท่านั้น และเค้าก็ไม่ได้มีหน้าตาแบบนี้ ไม่มีหนามอย่างในรูปนี้เลยสักนิด เป็นแค่แอสโตรไฟตัมต้นนึงที่มีลักษณะสันพูแหลม ซึ่งผมรู้สึกว่ามันแปลกดี ก็เลยซื้อมา


              แต่หลังจากที่เลี้ยงเค้าไปเรื่อยๆ จนเวลาผ่านไปนานเข้า พอต้นของเค้าใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ หนามของเค้าก็เริ่มโผล่ขึ้นมาทีละนิดจนสุดท้าย ก็กลายมาเป็นอย่างที่เห็น ซึ่งมันชัดเจนแล้วล่ะว่าต้นนี้คือแอสโตรไฟตัม แคปริคอน เจ้าโหดที่ผมเคยเห็นแล้วรู้สึกไม่ถูกใจนั่นเองครับ


                แต่ในเมื่อเลี้ยงเค้ามาจนขนาดนี้แล้ว ถึงจะไม่ใช่แนวที่เราถูกใจ ก็ไม่ใช่ปัญหา ผมไม่คิดจะทิ้งขว้างแน่นอนอยู่แล้ว เพราะงั้นก็เลยเลี้ยงเค้ามา ร่วมกับแคคตัสอื่นๆ ในบ้าน เลี้ยงในแบบมาตรฐานเดียวกัน ดูแลอย่างเท่าเทียมกันมาตลอด จนกระทั่งทุกวันนี้ก็ยังอยู่ดีไม่มีปัญหา


               จริงๆ เจ้าต้นนี้ก็ดอกสวยดีเหมือนกันนะครับ และที่สำคัญเลยคือ เค้าเป็นแคคตัสที่ดอกใหญ่มากๆ แถมยังออกดอกให้ได้ชมกันบ่อยเสียด้วย ยิ่งโดยเฉพาะช่วงหน้าร้อนที่ผ่านมานั้น เค้าออกดอกอย่างต่อเนื่องหลายรอบติดกันเลยทีเดียวครับ ผมว่าถ้าใครที่ชอบแคคตัสที่ให้ดอกขนาดใหญ่เลี้ยงแคคตัสสายพันธุ์นี้น่าจะสะใจเลยทีเดียวครับตอนที่ได้เห็นดอกเค้าบานเต็มที่


              ในส่วนของปัญหาในการปลูกเลี้ยงนั้น เจ้าต้นนี้ไม่ค่อยจุกจิกเท่าไรครับ เป็นไม้ที่ค่อนข้างจะมีความอดทนสูงมาก สามารถเลี้ยงแบบออกแดดจัดได้ แต่ก่อนที่จะเอาออกชนกับแดดจัดๆ ก็ต้องปรับแสงก่อนนะครับถ้าเอาไปวางชนกับแดดแรงๆ ทันทีผิวอาจจะใหม้เอาได้ ต้องค่อยๆ ปรับแสงในช่วงการปลูกแรกๆ ให้เค้าชินเสียก่อน เมื่อเค้าปรับตัวได้เมื่อไรเค้าจะสามารถอยู่ได้ในสภาพแดดส่องตลอดทั้งวันได้อย่างสบายหายห่วงครับ


               ในส่วนของการให้น้ำนั้น ผมเน้นแห้งเป็นหลัก การเลี้ยงแคคตัสผมจะไม่เร่งการให้น้ำสักเท่าไร เพราะในความคิดของผมนั้น ชื้นเกินไปจะเสี่ยงเน่าตาย แต่ถ้าแห้งเกินไปเค้าสามารถทนได้หายห่วง เพราะฉะนั้นผมจะรดน้ำก็ต่อเมื่อเห็นว่าดินแห้งเท่านั้นครับ


               ทุกวันนี้เวลาผมมองเจ้าต้นนี้ ผมก็ยังคิดอยู่เหมือนเดิมนะ ว่าเค้าไม่ใช่ไม้ในแบบที่ผมนิยมสักเท่าไร และก็ยังไม่ได้มีความรู้สึกที่ประทับใจอะไรมากขึ้น แต่ถ้าจะให้ขายหรือยกให้คนอื่นไป ผมก็คงทำไม่ได้ เพราะถึงแม้ว่าเค้าจะไม่ใช่ไม้ในแบบที่ผมถูกใจ แต่ผมก็ผูกพันในฐานะที่เลี้ยงเค้ามาตั้งแต่เล็กๆ ถึงจะไม่ใช่ลูกรัก แต่ก็ไม่ได้ไม่ชอบจนถึงขนาดที่จะทอดทิ้งล่ะนะ มันเป็นความรู้สึกแบบว่าเฉยๆ ล่ะมั้งแบบนี้


              แต่ก็ไม่แน่นะครับ ในสักวันผมอาจจะชอบหรือหลงไหลในแคคตัสสายพันธุ์นี้ขึ้นมาก็เป็นได้ เพราะมันก็เคยมีเหมือนกันนะไอ้ความรู้สึกแบบว่าตอนแรกเฉยๆ หรือไม่ก็รู้สึกไม่ถูกใจเลยด้วยซ้ำ แต่พอสุดท้ายก็กลายมาเป็นหลงจนหัวปักหัวปำจนขาดไม่ได้อะไรแบบนั้น


             บทความนี้ก็คงประมาณนี้แล้วกันนะครับ ก็ขอบคุณจริงๆ ที่ติดตามกันมา ถ้ามีข้อติชมใดๆ สามารถบอกเล่าเสนอแนะได้นะครับ แล้วพบกันใหม่กับบทความต่อไปในโอกาสหน้า วันนี้ก็สวัสดีครับ

ฝากเพจของบล็อกของเราด้วยนะครับ https://www.facebook.com/chowcactus

No comments:

Post a Comment

Note: Only a member of this blog may post a comment.