แคคตัสแอสโตรไฮบริดต้นนี้ ผมได้มาตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นนักปลูกมือละอ่อนที่พึ่งสนใจในการปลูกแคคตัสได้ไม่นานนัก
จำได้ว่าตอนนั้นผมกำลังยืนมองแคคตัสอยู่ที่ร้านขายกระบองเพชรร้านนึงแล้วก็เหลือบไปเห็นเจ้าต้นนี้พอดีและก็เกิดอาการถูกชะตาเข้าอย่างจัง
แต่ตอนที่เห็นนั้นเจ้าต้นนี้ยังเล็กอยู่นะครับ เล็กกว่าในภาพที่เอามาให้ได้ดูกันในวันนี้มาก แต่ถึงจะเล็กก็เห็นแววแล้วล่ะว่าน่าสนใจ เพราะเป็นไม้ที่มีลักษณะแปลกตาดี เป็นแอสโตรไฟตัมที่มีสันพูแหลม และมีหนามงอกออกมาจาก ดอทสีขาวฟูๆ ตรงสัน แถมลวดลายของเค้านั้นก็เป็นลายจุดขาวกระจายทั่วต้น รูปทรงของต้นก็กลมดีเหลือเกิน มองแล้วรู้สึกว่าสวยดีแบบแปลกๆ ผมก็เลยตัดสินใจถามคนขายว่าเค้าชื่ออะไร
เพราะในตอนนั้นผมยังไม่รู้จักสายพันธุ์แคคตัสมากนัก และยังไม่รู้จักกับไม้หน้าตาแบบนี้เลยสักนิด
ซึ่งคนขายก็ตอบกลับมาว่าเค้าคือแอสโตรลูกผสม astrophytum hybrid
ยอมรับเลยว่าตอนนั้นผมงง แอสโตรลูกผสมมันคืออะไรยังไงกันนะ แล้วแอสโตรสายพันธุ์ไหนผสมกับสายพันธุ์ไหนมันถึงได้ออกมาหน้าตาแบบนี้ล่ะ ผมไม่รู้เรื่องเลยสักนิด
ในใจตอนนั้นผมอยากจะถามแบบละเอียดเลยล่ะครับว่าไม้ต้นนี้มันเป็นมายังไง แต่ด้วยความที่เป็นคนขี้เกรงใจไม่กล้าถามอะไรมากเลยได้แต่ถามไปสั้นๆ ว่าเค้าเลี้ยงง่ายมั้ย ซึ่งคนขายก็เอ่ยต่อบกลับมาว่าเลี้ยงง่ายอยู่นะตัวนี้ ลองซื้อไปเลี้ยงดูสิ ต้นนี้ราคาไม่แพงเพราะเป็นไม้ที่มีขนาดเล็กและก็ไม่ใช่แอสโตรสายที่มีคนนิยมมากนัก แต่เมื่อเค้าโตขึ้นเมื่อไรรับรองว่าสวยแน่นอนต้นนี้
แน่นอนครับผมซื้อทันทีเพราะสนใจมาตั้งแต่เห็นแวบแรกอยู่แล้วต่อให้คนขายไม่เชียร์ให้ผมซื้อผมก็ซื้ออยู่ดีนั่นแหละ ยิ่งพอได้ยินว่าไม่แพงนี่ยิ่งไม่ต้องคิดเข้าไปใหญ่
และแล้วผมก็จ่ายตังค่าต้นไม้พร้อมกับรับเค้ามาเลี้ยงตั้งแต่วันนั้น ลืมบอกไปเจ้าต้นนี้ราคาประมาณ 20 บาทครับ แต่ถ้าไปหาซื้อในตอนนี้ผมไม่แน่ใจแล้วนะครับว่าราคาของไม้สายนี้จะเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหนกันแล้วเพราะราคาแคคตัสนั้นมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาจริงๆ ครับ
ในการปลูกเลี้ยงเจ้าต้นนี้นั้นผมก็เลี้ยงแบบแคคตัสทั่วๆ
ไปที่ผมเลี้ยงนั่นแหละ เลี้ยงแบบให้โดนแดดประมาณ 6 ชั่วโมงต่อวัน
ดินปลูกก็ใช้สูตรเดียวกันกับปลูกแอสโตรทั่วๆ ไป คือเน้นดินโปร่งๆ ระบายนํ้าได้ดี ส่วนเรื่องการให้น้ำ ปุ๋ย ยา
ก็เหมือนกับเลี้ยงต้นอื่นๆ ทุกอย่างไม่ได้พิถีพิถันอะไรมากหรือมีวิธีการที่แตกต่างกว่ากระบองเพชรต้นอื่นที่ผมเลี้ยงเลยสักนิด
ซึ่งเค้าก็เจริญเติบโตได้ดีไม่มีปัญหา
ผมว่าโตเร็วกว่าแอสโตรรุ่นเดียวกันที่ซื้อมาพร้อมกันเลยด้วยซ้ำ
ไม่รู้เหมือนกันว่าเกี่ยวกับสายเลือดของเค้าด้วยมั้ยที่เค้าเป็นไฮบริดที่มีการผสมกันระหว่างแอสโตรหลายชนิดก็เลยทำให้โตเร็วกว่าเพื่อน
เรื่องพวกนี้ผมเองก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรเหมือนกันครับ
และแล้วหลังจากที่เค้าผ่านร้อนผ่านหนาวอยู่กับผมมาเป็นระยะเวลาประมาณปีครึ่ง
ในที่สุดเมื่อไม่นานมานี้เค้าก็ออกดอกแรกมาให้ได้ชมกันจนได้ตามในรูปที่เอามาลงในวันนี้เลยครับ
ตอนที่ผมเห็นเค้าเริ่มแทงดอกขึ้นมานั้น
ผมลุ้นอยู่หลายวันเหมือนกันครับเพราะกลัวว่าดอกเค้าจะฝ่อไปก่อนที่จะบาน
แต่สุดท้ายแล้วทุกอย่างก็ผ่านไปได้ราบรื่น ในที่สุดดอกของเค้าก็บานเต็มที่อวดโฉมสีสันที่สดใสสวยเลยทีเดียวครับดอกนี้
แถมดอกยังมีขนาดใหญ่ดีด้วยสิ มองดอกของเค้าแล้วมันก็ชื่นใจจริงๆ แบบนี้ รู้สึกว่าคิดถูกจริงๆ ที่ซื้อมา สวยคุ้มค่าอย่างที่คนขายเคยบอกมาเลยครับ
แต่น่าเสียดายตรงที่ในวันที่ดอกของเค้าบานนั้นเค้าบานแค่ต้นเดียวโดดๆ
แคคตัสแอสโตรต้นอื่นในบ้านไม่มีต้นไหนออกดอกด้วยเลยในตอนนั้นผมก็เลยไม่มีคู่มาทดลองผสมเกสร
ไม่งั้นล่ะก็ได้สนุกแน่นอน เพราะผมก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าต้นนี้สามารถผสมเกสรติดมั้ย
ถ้าเกิดว่าผสมติดเมล็ดได้ขึ้นมาก็คงจะดีจะได้เอาเมล็ดไปลองเพราะดูว่าลุกของเค้านั้นจะหน้าตาแบบไหนจะเหมือนพ่อแม่หรือไม่หรือมีอะไรที่แตกต่างหรือว่าน่าสนใจมากไปกว่านี้รึเปล่านะ
แต่ในเมื่อพลาดไปไม่มีคู่ให้ผสมผมก็เลยต้องรอต่อไปในสักวันถ้าเค้ายังไม่รีบตายไปเสียก่อนก็คงจะได้ทำการลองผสมเกสรดูบ้างล่ะนะ
แคคตัสแอสโตรไฟตัมนั้นเท่าที่ผมได้เรียนรู้มาจนถึงตอนนี้ ผมพบว่าเค้าเป็นแคคตัสที่มีสายพันธุ์แยกย่อยมากมาย
มีลูกผสมที่มีหน้าตาที่หลากหลายทั้งในแง่ของรูปทรงและความหลากหลายในด้านของสีสันลวดของดอกอีกหลายรูปแบบ
ทุกวันนี้ถึงแม้ว่าผมจะเลี้ยงแคคตัสสายพันธุ์นี้มาพอสมควรแต่ผมก็ยังรู้จักไม้ในตระกูลนี้ไม่มากสักเท่าไร
ยังมีเรื่องราวมากมายที่ผมยังสงสัยและหาคำตอบไม่ได้
และยังจำชื่อเค้าได้ไม่ครบทุกแบบที่มีออกมาเลยด้วยครับ ซึ่งผมก็คงจะต้องศึกษาเรียนรู้ ค่อยๆ สะสมประสบการณ์ในการปลูก ไปเรื่อยๆ อย่างไม่รู้จบล่ะนะ
เพราะแอสโตรนั้นเป็นไม้ที่ผมชอบจริงๆ ครับ
วันนี้เรื่องราวของ astrophytum hybrid ก็คงจะมีประมาณนี้ เอาไว้ถ้ามีอะไรที่น่าสนใจผมจะกลับมาอัพเดทเพิ่มเติมทีหลังก็แล้วกันนะครับ
สุดท้ายนี้ขอฝากเพจของบล็อกตามลิงก์ด้านล่างนี้เอาไว้ด้วยนะครับ ถ้ามีอะไรก็สามารถติดต่อส่งข้อความถึงผมได้ทางนี้เลยครับ ถ้าผมตอบข้อความช้าก็ต้องขอโทษด้วยแล้วกันนะครับ ผมอยู่บ้างไม่อยู่บ้างแต่ถ้าผมอยู่ผมจะรีบตอบทันทีเลยครับ
No comments:
Post a Comment
Note: Only a member of this blog may post a comment.