สวัสดีครับ เรื่องราวในคราวนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับเจ้าไม้กราฟ ยิมโนหัวสีต่อตอแก้วมังกรที่เจอปัญหา บางต้นตอเน่า บางต้นตอไม่เน่าแต่เป็นหัวสีที่เน่า บางต้นเน่าทั้งหัวสีเน่าทั้งตอ ซึ่งเราก็จะมาดูอาการกันว่า อาการแบบไหนคือหนัก แบบไหนพอจะรักษาได้ และแนวทางการรักษาที่ผมใช้นั้น มันมีวิธีการอย่างไรบ้าง
แต่ก่อนจะเริ่มบทความผมต้องขอบอกกันก่อนเลยนะครับ ว่าผมก็ไม่ได้มีความรู้ในการรักษากระบองเพชรป่วยมากมายอะไรหรอกนะครับ เพราะงั้นบทความนี้อาจจะไม่ได้มีเนื้อหาที่เจาะลึกเกี่ยวกับโรคพืชอย่างละเอียดนะครับ เป็นเพียงแค่การมาบอกเล่าเรื่องราวและเอารูปมาให้ได้ดูกันว่าเวลาแคคตัสของผมป่วย ผมจัดการกับมันยังไง ยังไงถ้าอ่านบทความนี้จบแล้ว อยากให้ลองหาข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งอื่นเพื่อประกอบการตัดสินใจด้วยนะครับ เพราะบทความนี้เป็นแค่การแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวของคนๆ เดียวเท่านั้น ซึ่งอาจมีสิ่งใดที่ผมได้เขียนพลาดไป หรือสื่อสารได้ไม่ครบถ้วนก็เป็นได้นะครับ
ก่อนจะไปเริ่มการรักษา
เราก็ต้องมาว่ากันในเรื่องของสาเหตุและปัจจัยที่จะทำให้ไม้กราฟของเรานั้นเน่ากันก่อนดีกว่า
ซึ่งจากที่ผมเคยได้พบมา อาการเน่านั้นอาจเกิดได้จากหลายปัจจัย ซึ่งปัจจัยแรกที่ผมจะกล่าวถึงก่อนเลยนั่นก็คือ อาการเน่าที่มาจะมาจากปัญหาที่เกี่ยวกับ ความชื้น
ตัวอย่างก็เช่น สถานที่ปลูกอับชื้นเกินไป
ซึ่งก็อาจจะมีองค์ประกอบเพิ่มเติมอย่างเช่นว่า
สถานที่ปลูกนั้นไม่ได้รับแสงแดดอย่างเหมาะสมหรือมีแดดส่องถึงน้อยเกินไป รวมไปถึงสถานที่ปลูกที่อากาศถ่ายเทไม่ดี อับลม ซึ่งการที่ได้รับแสงแดดน้อยไป หรืออากาศถ่ายเทไม่ดีจะทำให้เวลาที่เรารดน้ำต้นไม้ไปแล้ว ดินจะแห้งช้าเพราะไม่มีแสงแดดและลมมาช่วยระเหยความชื้น
ซึ่งการที่ดินปลูกนั้นชื้นสะสมติดต่อกันเป็นเวลานานๆ ก็อาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคเน่าขึ้นได้ครับ
รวมไปถึงถ้าดินที่ใช้ในการปลูกนั้นเป็นดินที่ไม่ได้มีความโปร่งหรือมีการระบายน้ำที่ไม่ดี หรือเป็นดินที่มีส่วนผสมที่อมความชื้นมากไป หรือดินแน่นเกินไป ก็อาจทำให้เกิดปัญหารากเน่าและลามไปจนถึงโคนต้นทำให้ต้นเน่าขึ้นได้เช่นกัน
รวมไปถึงถ้าดินที่ใช้ในการปลูกนั้นเป็นดินที่ไม่ได้มีความโปร่งหรือมีการระบายน้ำที่ไม่ดี หรือเป็นดินที่มีส่วนผสมที่อมความชื้นมากไป หรือดินแน่นเกินไป ก็อาจทำให้เกิดปัญหารากเน่าและลามไปจนถึงโคนต้นทำให้ต้นเน่าขึ้นได้เช่นกัน
และยิ่งถ้าสถานที่ปลูกของเรานั้นไม่มีหลังคาหรือไม่มีที่กันฝน
เวลาฝนตกเมื่อไรเจ้าแคคตัสนั้นก็ต้องตากฝนเปียกปอนไปเสียทุกครั้งมันก็อาจเป็นสาเหตุทำให้หัวแคคตัสที่ต่อบนตอนั้นเน่าตายได้อีกด้วย
และนอกเหนือจากนี้ก็จะมีเคสแบบว่าไม้ที่ไม่ได้เปลี่ยนดินมาเป็นระยะเวลานานมากๆ
ไม่ได้เปลี่ยนดินมาหลายปี ดินเก่ามากๆ
ก็อาจเกิดเชื้อโรคสะสมอยู่ในดินทำให้เกิดเป็นโรคต่อต้นไม้ได้ด้วยนะครับ
ยังมีอีกสาเหตุนึงเกี่ยวกับความชื้นที่อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้แคคตัสเกิดปัญหาเน่าขึ้นได้นั่นก็คือเรื่องของการติดเชื้อเข้าแผลสด ยกตัวอย่างก็เช่น สมมุติว่าแคคตัสของคุณนั้นเกิดเป็นแผลขึ้นมา อาจจะด้วยสาเหตุจาก โดนหนอนแทะ หนูแทะ นกจิก หรือเจ้าของเผลอทำตกจนทำให้เกิดแผล ถ้าเราไม่ระวังให้ดี ปล่อยให้แคคตัสที่มีแผลสดๆ นั้นตากฝน หรือเรารดน้ำไปโดนแผล อาจจะทำให้น้ำนั้นขังในแผล จนทำให้เกิดอาการติดเชื้อและลามเป็นเน่าก็เป็นได้นะครับ เพราะฉะนั้นถ้าแคคตัสของเราเกิดเป็นแผลสดๆ ขึ้นมาล่ะก็ ต้องระวังอย่าให้น้ำเข้าไปขังในแผลนะครับ ควรเลี่ยงอย่าให้แผลโดนน้ำจนกว่าแผลนั้นจะแห้งสนิทดีเสียก่อนนะครับ
ยังมีอีกสาเหตุนึงเกี่ยวกับความชื้นที่อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้แคคตัสเกิดปัญหาเน่าขึ้นได้นั่นก็คือเรื่องของการติดเชื้อเข้าแผลสด ยกตัวอย่างก็เช่น สมมุติว่าแคคตัสของคุณนั้นเกิดเป็นแผลขึ้นมา อาจจะด้วยสาเหตุจาก โดนหนอนแทะ หนูแทะ นกจิก หรือเจ้าของเผลอทำตกจนทำให้เกิดแผล ถ้าเราไม่ระวังให้ดี ปล่อยให้แคคตัสที่มีแผลสดๆ นั้นตากฝน หรือเรารดน้ำไปโดนแผล อาจจะทำให้น้ำนั้นขังในแผล จนทำให้เกิดอาการติดเชื้อและลามเป็นเน่าก็เป็นได้นะครับ เพราะฉะนั้นถ้าแคคตัสของเราเกิดเป็นแผลสดๆ ขึ้นมาล่ะก็ ต้องระวังอย่าให้น้ำเข้าไปขังในแผลนะครับ ควรเลี่ยงอย่าให้แผลโดนน้ำจนกว่าแผลนั้นจะแห้งสนิทดีเสียก่อนนะครับ
ส่วนสาเหตุหลักๆ สาเหตุต่อมาที่อาจทำให้ไม้กราฟของเรานั้นเน่า
จะตรงกันข้ามกับสาเหตุแรก เรียกได้ว่าพลิกไปอีกด้านนึงเลยก็คือเรื่องของความร้อน
แสงแดด
ยิมโนหัวสีต่อตอแก้วมังกรเป็นไม้ที่อยู่แดดได้
ถ้าได้รับแสงแดดอย่างสม่ำเสมอจะดูสดใสมากๆ เลยด้วยครับ
แต่ถ้าแสงแดดที่ได้รับนั้นมันแรงเกินไป ก็อาจทำให้ตอแก้วมังกร โดยเฉพาะตอแก้วมังกรที่ใช้มานานหลายปีจนเริ่มหมดสภาพแล้วนั้น ทนแดดที่จัดมากๆ ไม่ไหว
จนเกิดปัญหาตอโดนแดดเผาจนเนื้อตอสุก เมื่อเนื้อตอโดนแดดเผาจนสุก ตรงส่วนเนื้อที่สุกนั้นมันก็จะเน่าเป็นนํ้าเลยล่ะครับ
เช่นเดียวกัน ยิมโนหัวสีก็เป็นไม้ที่ถ้าโดนแดดจัดมากเกินไปก็อาจจะไหม้แดดจนเนื้อสุกและจากนั้นก็เน่าได้ครับ
มันจะมีกรณีนึงที่เจอกันบ่อยนั่นก็คือ พึ่งซื้อแคคตัสมาใหม่ๆ จากร้าน พอเอากลับมาถึงบ้าน
ก็เอามาตากแดดจัดๆ ทันที โดยไม่ทันระวัง
และก็เกิดปัญหาขึ้นมาทันทีเพราะแคคตัสเกิดอาการไหม้แดดจนสุกและเน่าตาย ที่เป็นแบบนี้
ผมคิดว่ามันอาจเป็นเพราะว่าสถานที่ปลูกนั้นต่างกัน
ที่ร้านขายแคคตัสเค้าอาจจะไม่ได้ให้แคคตัสได้รับแสงแดดแรงๆ
อาจจะเลี้ยงมาแบบแดดอ่อนๆ หรือแดดน้อย พอเราซื้อมาเลี้ยงที่บ้าน
เราไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อนว่าไม้มันไม่เคยผ่านแดดจัด แต่เราเอาเค้าไปตากแดดจัดๆ
ทันที ไม้อาจจะปรับตัวกับสภาพอากาศไม่ทัน ก็อาจทำให้เจ้าแคคตัสนั้นทนความร้อนไม่ไหวก็เลยโดนแดดเผาจนสุกและเน่าได้ครับ
เช่นเดียวกัน ไม้ที่พึ่งมีการเปลี่ยนดินเปลี่ยนกระถาง
ไม้ที่พึ่งจับลงปลูกในดินใหม่ๆ หรือไม้ที่ปรกติไม่ค่อยได้รับแสงแดดแรงๆ
มาก่อนเลยล่ะก็ อย่าจับชนแดดแรงๆ ทันทีนะครับ มันจะเกิดปัญหาโดนแดดเผาเอาได้
ซึ่งเรื่องนี้เนี่ยหลายๆ
ท่านจะมีการบอกกล่าวกันอยู่เสมอว่าเวลาเราซื้อไม้มาใหม่ๆ หรือไม้ที่พึ่งมีการเปลี่ยนดินเปลี่ยนกระถาง
หรือไม่ที่ปรกติไม่ค่อยได้รับแสงแดดแรงๆ อย่าพึ่งเอาไปวางแดดจัดๆ ทันทีนะ
มันจะไหม้แดดเอาได้ เราควรจะต้องมีการเทรนแดดก่อน ซึ่งการเทรนแดดก็คือ การค่อยๆ
เพิ่มแสงแดดที่ไม้จะได้รับให้มากขึ้นไปทีละระดับจากแดดอ่อนไปจนแดดแรงเพื่อให้ไม้ได้ปรับตัวเข้ากับแสงแดดได้โดยไม่ไหม้แดด
ซึ่งการเทรนแดดวิธีการก็คือ ค่อยๆ เพิ่มแสงแดด
เช่นอาทิตย์แรกที่ลงปลูกหรืออาทิตย์แรกที่ได้ไม้มา
เราจะให้เค้าได้รับเพียงแค่แสงแดดอ่อนๆ เพื่อให้ไมปรับตัวไปก่อนเช่นแดดช่วงเช้าๆ
7-9 โมง พออาทิตย์ต่อมาก็ย้ายไปอยู่ในจุดที่แสงแดดมากขึ้นเช่นแดดสาย 8-10 โมง
เพื่อให้ไม้ค่อยๆ ปรับตัวเข้ากับแสงแดดที่แรงขึ้น
อาทิตย์ต่อไปก็ปรับจุดวางให้ได้รับแสงแดดเพิ่มไปอีกระดับ ไปแบบนี้เรื่อยๆ
นี่คือการเทรนแดด ซึ่งไม้ที่เทรนแดดจะมีโอกาสเกิดปัญหาไหม้แดดได้น้อยกว่าไม้ที่ลงปลูกใหม่โดยไม่เทรนแดดครับ
ที่กล่าวไปเหล่านี้คือปัจจัยที่อาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดปัญหาแคคตัสเน่า
แต่ก็อาการเน่าของแคคตัสนั้นก็อาจจะมาจากสาเหตุอื่นนอกเหนือจากที่ผมกล่าวไปก็ได้นะครับ
ผมพูดแค่เท่าที่เคยพบเจอมากับตัวเท่านั้น เรื่องโรคมันมีอะไรที่มากกกว่านี้อีกเยอะเลยล่ะครับ
ผมมีตัวอย่างยิมโนหัวสีที่มีปัญหาเน่ามาให้ได้ดูกัน 4
ต้น ซึ่งแต่ละต้นที่ผมเลือกภาพเอามาให้ดูกันนั้นก็ จะมีอาการมากน้อยแต่ต่างกันไป เอาเป็นว่าเราไปเริ่มกันที่ต้นแรกเลยก็แล้วกันนะครับ
ตามภาพด้านล่าง
สำหรับต้นแรกนี้นั้น จะเป็นไม้กราฟที่เกิดปัญหา
หัวแคคตัสเน่าแต่ตอไม่ได้เน่า
คือเน่าแค่เฉพาะหัวแคคตัสอย่างเดียวเท่านั้นตอยังปรกติดี
เดิมทีเจ้ายิมโนหัวสีหัวนี้นั้น เป็นสีแดงทั้งหัว
แต่ครึ่งนึงของหัวมันเน่าจนสีเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลช้ำน้ำอย่างที่เห็น
ซึ่งวิธีการสังเกตุว่าแคคตัสของเรานั้นเน่าหรือไม่
อย่างแรกเลยคือดูความเปลี่ยนแปลงของสีแคคตัสที่ต้องสงสัยว่าจะเน่า
ซึ่งถ้าเป็นอาการเน่าสีผิวตรงส่วนที่เน่าจะเปลี่ยนไปเป็นสีน้ำตาลชํ้าๆ
แต่เราจะเอาสีที่เปลี่ยนไปของแคคตัสมาเป็นตัวตัดสินเลยก็ไม่ได้นะครับว่าถ้าสีเปลี่ยนคือเน่า เพราะแค่สีเปลี่ยนก็อาจจะไม่ได้เน่าก็ได้นะ
แคคตัสบางสายพันธุ์สามารถสีเข้มขึ้นหรืออ่อนลงได้ตามสภาพอากาศ เพราะฉะนั้น
อย่าพึ่งเอาสีมาตัดสิน แต่เราต้องไปดูที่ข้อต่อมากันต่อเลย
สิ่งที่เราจะต้องมาพิจารณากันต่อว่าแคคตัสของเรานั้นเน่าหรือไม่นั่นก็คือ
ถ้าตรงส่วนไหนของแคคตัสที่เราสงสัยว่ามันเน่าหรือไม่ ให้เรากดลงไปแรงๆ
ดูนะครับว่ามันนิ่มจนเละเป็นน้ำหรือไม่
ถ้าเรากดลงไปแล้วมันนิ่มจนเละเป็นน้ำ แสดงว่าเน่า แต่ถ้ามันแข็งก็อาจจะไม่เน่า
เช่นเดียวกัน ถ้าเรากดลงไปแรงๆ มันนิ่มแต่ไม่ได้เละเป็นน้ำก็อาจจะไม่เน่านะครับ
หลายคนมีปัญหาวันดีคืนดีแคคตัสของต้นเองนั้นเกิดอาการต้นนิ่ม
กดหรือบีบลงไปแล้วมันนิ่มๆ ก็เกิดความกังวลว่ามันเน่าหรือมันจะตาย แต่จริงๆ
แล้วแค่นิ่มๆ เอามาตัดสินไม่ได้นะครับ
บางทีที่ต้นมันนิ่มอาจเป็นเพราะว่ามันขาดน้ำต้นก็เลยเหี่ยวจนนิ่มก็ได้อาจจะไม่ได้เน่าก็ได้นะ
ถ้ามันเป็นอาการเน่าคือมันจะต้องนิ่มมากๆ และเมื่อเรากดลงไปแรงๆ
ตรงส่วนที่เรากดจะเหลวเละเป็นน้ำออกมาเลยถึงจะเรียกได้ว่าเน่า
ผมเจาะให้ดูข้างในเลยก็ได้ครับว่า
เน่าจนเละเป็นน้ำนั้นมันเป็นยังไง
คุณจะเห็นตามในภาพเลยนะครับว่าข้างในเจ้ายิมโนหัวสีตรงที่เน่านั้น
ผมเจาะเข้าไปแล้วมันเป็นน้ำเหลวๆ ไปหมดเลยล่ะครับ
นี่คือเนื้อข้างในมันเน่าหมดแล้วนะครับ ซึ่งอาการขนาดนี้เนี่ย
บอกเลยว่ายิมโนหัวสีหัวนี้นั้นเกินจะรักษาแล้วนะครับ
เพราะภายในมันเน่าหมดทั้งหัวแล้ว
เพราะฉะนั้น ถ้าแคคตัสของคุณเกิดอาการเน่า
กดลงไปแล้วมันเละเป็นน้ำ ดูภายในแล้วมันกลายเป็นน้ำเหลวไปหมดทั้งหัวแบบนี้แล้วล่ะก็
ตัดทิ้งไปได้เลยครับ มันไม่รอดแล้ว
แต่สำหรับตอของเค้านั้นยังปรกติดีอยู่ครับ
เดี๋ยวผมจะตัดเจ้ากหัวยิมโนที่เน่านี้ออกไป ให้คุณดูว่าตอของเค้านั้นยังปรกติดี
ยังไม่ได้เน่าตามไปด้วยแต่อย่างใด
อย่างที่เห็นเลยนะครับว่าตอยังเขียวเต่งตึงดี
เนื้อในของตอก็ยังปรกติ สีเปลี่ยนเป็นช้ำน้ำ และก็ไม่ได้นิ่มจนเละ
แบบนี้ก็คือตอยังแข็งแรงดีอยู่นะครับ จะเอาไปปลูกต่อไปก็ได้ แล้วแต่เลย
อันนี้คือเคสแรก หัวแคคตัสเน่าแต่ตอไม่ได้เน่า
เรามาดูต้นตัวอย่างต้นที่ 2 กันเลยนะครับ
ต้นนี้ไม่มีรายละเอียดอะไรมากมาย
มันคือต้นที่เกิดอาการเน่าหมดทั้งต้นจนเกินที่จะเยียวยาแล้วล่ะครับ
คุณจะเห็นเลยนะครับว่าเจ้าแคคตัสที่เกิดอาการเน่า
สุดท้ายแล้วมันก็จะเละจากที่เคยเป็นหัวแคคตัสกลมๆ ก็จะเหลว อย่างที่เห็น
และถ้าเราลองดมดูล่ะก็จะได้กลิ่นเหม็นด้วยล่ะครับ
เจาะดูข้างในก็จะเห็นชัดเจนเลยว่ามันเละเป็นนํ้าหมดแล้ว ไม่รอดแล้วครับ
อันนี้คือเน่าทั้งยิมโนหัวสีและตอก็เน่าด้วยเช่นเดียวกัน
อันนี้คือเน่าทั้งยิมโนหัวสีและตอก็เน่าด้วยเช่นเดียวกัน
คุณลองดูอาการเน่าของตอแก้วมังกรนะครับ
จะเห็นว่าเวลาตอแก้วมังกรเน่า มันก็จะแบบเดียวกับแคคตัสเน่านี่แหละ
คือส่วนที่เน่าจะกลายเป็นสีน้ำตาลช้ำน้ำ และถ้าเรากดลงไปแรงๆ ตรงส่วนที่เน่า
มันจะเละเป็นน้ำออกมาเลยเช่นเดียวกัน เดี๋ยวผมเจาะให้ดูข้างในตอที่เน่า
จะเห็นนะครับ ว่าข้างในเหลวหมดแล้ว แบบนี้คือ
เน่าหมดไม่เหลือ โยนทิ้งไปได้เลยครับ
เราไปดูต้นต่อไปกันเลยดีกว่าครับ ตามภาพด้านล่าง
เจ้าต้นนี้
บางท่านดูภาพแล้วก็อาจจะไม่รู้สึกว่ามันป่วยหรือมีปัญหาอะไร
แต่คิดว่าหลายท่านน่าจะดูออกแล้วล่ะนะ ส่วนไหนของต้นที่น่าจะมีปัญหา
ตรงบริเวณโคนของตอนั่นเองครับ ที่มีอาการผิดปรกติ
จะเห็นว่าตรงโคนของตอนั้น เริ่มมีอาการเน่า สีเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลช้ำน้ำนิดหน่อยแล้ว
แต่อย่างที่บอกไปว่าเราจะดูแค่สีที่เปลี่ยนแล้วเอามาตัดสินเลยทันทีไม่ได้
อาการเน่านั้นเราต้องกดลงไปตรงส่วนที่เน่าเพื่อทดสอบด้วย ถ้ากดลงไปแล้วมันแค่นิ่มๆ
แต่ไม่เละเป็นน้ำก็อาจจะยังไม่เน่า อาการเน่าเวลาเรากดลงไปแรงๆ จะเละเป็นน้ำออกมาเลยนะครับ
เดี๋ยวผมถอนมาให้ดูเลยดีกว่า
จุดที่ผมคิดว่าเน่า คือตรงบริเวณแนวเส้นที่ขีดเส้นไว้นั่นล่ะครับ ส่วนตรงอื่นยังปรกติดีครับ
พวกรอยริ้วรอยแผลเป็นต่างๆ ตามหัวแคคตัสและตอนั้นเป็นแผลเก่าครับ
เป็นแผลที่แห้งไปนานแล้ว ไม่นิ่ม ไม่เละ ไม่เหลว เพราะงั้นรอยแผลอื่นๆ
ไม่ได้มีปัญหานะครับ ที่มีปัญหาแค่ช่วงโคนตอที่ขีดเส้นไว้เท่านั้น
เจาะให้ดูเลยดีกว่าจะได้เห็นว่า
ส่วนที่เน่านั้นเนื้อด้านในจะเละเป็นน้ำ
แต่ดูจากอาการแล้วมันไม่ได้เน่าหมดทั้งตอ
มันเน่าแค่ตรงส่วนโคนตอเท่านั้น ยังเหลือส่วนของตอที่ยังโอเคอีกพอสมควร
ซึ่งแนวทางการรักษา
ไม้กราฟที่ตอเน่านั้นก็คือเราจะต้องเอามีดปาดเนื้อของตอส่วนที่มันเน่าทิ้งไปให้หมด
ต้องไม่ให้เหลือเนื้อส่วนที่เน่าอยู่เลยแม้แต่นิดเดียวก็ไม่ได้นะครับ
ต้องเอาออกให้หมด
ผมจะปาดตรงแนวที่วางมีดเอาไว้นี่แหล่ะครับ ผมคิดว่าแนวนี้จะอยู่ในจุดที่ปลอดภัย
เนื้อของตอยังไม่น่าจะเน่ามาถึง
ผมประเมินจากสีของตอที่ยังเขียวอยู่น่าจะยังปรกติ
เพราะงั้นก็จะเอาประมาณนี้
สำหรับตอแก้วมังกรนั้น แกนตอ ต่อให้ไม่มีเนื้อ
มีแต่แกนตอเพียวๆ ก็ยังสามารถออกรากได้ เลี้ยงต้นได้ เพราะฉะนั้นตอนที่ปาดเนื้อส่วนที่เน่าทิ้งไป
ถ้าเราปาดไปแล้วแกนตอยังแข็ง ยังไม่เน่าจนเป็นสีน้ำตายและนิ่มจนเหลวไปด้วยแล้วละก็
ก็ไม่ต้องตัดแกนตอออกก็ได้นะครับ ปาดออกแค่เนื้อตอส่วนที่มันเน่า
แล้วเหลือแกนตอส่วนที่ยังดีๆ เอาไว้ได้ครับ ตามรูปด้านล่าง
จะเห็นนะครับว่าแกนตอนั้นยังปรกติดี ผมจะเหลือไว้แบบที่เห็นเลยครับ
อันนี้คือตัดแต่งเสร็จเรียบร้อย เอาส่วนที่เน่าออกไปหมดแล้ว
การเหลือแกนตอเอาไว้แบบนี้นั้น
มันใช้ได้แค่ตอแก้วมังกรนะครับ ถ้าเป็นตอชนิดอื่นล่ะก็ ตอบางชนิดแกนตอมันอ่อนไม่ได้แกนตอแข็งเหมือนแก้วมังกร
มันเหลาแบบนี้ไม่ได้ครับ เนื้อแกนมันอ่อนเกินไป
และอีกอย่างนึงเลยก็คือบทความนี้เราคุยกันในรายละเอียดของตอแก้วมังกร
เราไม่ได้พูดถึงตอชนิดอื่นนะครับ เพราะรายละเอียดมันอาจจะต่างกันก็ได้
ผมขอให้อยู่ในส่วนของแก้วมังกรเท่านั้นนะครับ
หลังจากที่เราตัดส่วนที่เน่าออกไปหมดแล้ว
เราจะยังไม่เอาไปปลูกเลยนะครับ แต่เราจะวางเจ้าแคคตัสผึ่งเอาไว้
เพื่อรอให้แผลแห้งเสียก่อน ก็อาจจะผึ่งเอาไว้สัก 7 วันก็ได้ครับ
ซึ่งในระหว่างที่เราวางผึ่งเอาไว้ เราต้องดูอาการด้วยว่า
มันมีอาการเน่าลุกลามเพิ่มเติมหรือไม่
ถ้ามีส่วนไหนที่เน่าเละเป็นน้ำลุกลามเพิ่มเติม แสดงว่าเราตัดออกไม่หมด
อาการเน่านั้นยังไม่หมด ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้น
เราก็ต้องมีการตัดกันอีกรอบจนกว่าจะแน่ในว่าส่วนที่เน่านั้นไม่เหลือแล้ว
แต่เจ้าต้นนี้ของผม
ไม่ได้มีอาการเน่าเพิ่มเติมแต่อย่างใด ทุกอย่างปรกติดี
เพราะงั้นก็ไม่ต้องทำอะไรครับ ผึ่งเอาไว้ 7
วันรอแผลแห้งแล้วก็ปลูกได้ตามปรกติ
จะเห็นนะครับว่าแผลเริ่มแห้งแล้ว
ไม่ได้มีปัญหาอะไรแล้วนะครับ รอลงปลูกต่อไปได้ครับ
ตัดภาพมาอีกที หลังจากที่ผมเอากลับไปลงปลูก
ส่วนภาพนี้เป็นภาพ อีก ประมาณ 1 เดือนครึ่งต่อมา
จะเห็นว่าเค้ากลับมาเจริญสดใสอีกครั้งแล้วล่ะครับ
ก็ถือว่าเคสนี้ผ่านไปได้ด้วยดี นะครับ
เราไปดูต้นสุดท้ายกันเลยนะครับ
ต้นนี้จะเจออาการเน่ารูปแบบเดียวกับต้นที่แล้วคือตอเน่า
แต่หัวแคคตัสไม่ได้เน่า แต่จะต่างจากต้นที่แล้วตรงที่ เจ้าต้นนี้ตอจะเน่าหนักกว่าคือเน่าเกือบหมดทั้งตอ
ผมลองปาดไปเรื่อยๆ แล้วรู้สึกว่าเนื้อของตอมันเหลว
ปาดไปปาดมา มารู้ตัวอีกทีก็เหลือแต่แกนตอแบบนี้ซะแล้ว
ซึ่งถ้าเป็นแคคตัสทั่วไป ที่ไม่ด่าง หรือเป็นไม้ด่างแต่ไม่ได้ด่างหมดทั้งหัว มีบางส่วนที่ยังเป็นสีเขียว หรือดำ หรือม่วง เราสามารถตัดลงตอแล้วเอาไปปลูกหรือไปล่อรากต่อได้ อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตัดลงตอแก้วมังกรได้ตามลิงก์นี้เลยครับ การตัดลงตอแก้วมังกร
แต่ในกรณีของเจ้ายิมโนหัวสีต้นนี้นั้น
ไม่สามารถตัดเค้าลงจากตอแล้วเอาไปปลูกต่อหรือเอาไปล่อรากได้
เพราะด้วยความที่เค้าเป็นไม้ที่ด่างหมดเลยทั้งหัว ไม่มีส่วนใดที่เป็นสีเขียว
หรือดำ หรือม่วงอยู่เลย
นั่นหมายความว่าเค้าไม่สามารถที่จะสังเคราะห์แสงเอามาเลี้ยงตัวเองให้เจริญเติบโตได้
เพราะไม่มีสารคลอโรฟิลล์ (สารคลอโรฟิลล์ คือสารประกอบที่มีสีเขียว
พบได้ในส่วนที่มีสีเขียวในพืช อาจรวมถึงสีโทนดำหรือม่วงเพราะบางทีสีเขียวนั้นก็อาจจะเขียวเข้มมากจนเกือบดำหรือม่วงได้ครับ คลอโรฟิลล์นั้นทำหน้าที่ในกระบวนการสังเคราะห์แสง เพื่อใช้ในการดำรงชีวิตของพืช)
เพราะฉะนั้นจากที่กล่าวไป เจ้ายิมโนหัวสีที่ด่างเป็นสีหมดเลยทั้งหัวไม่มีสีเขียวอยู่เลย
อย่างเจ้าต้นนี้ที่ชมพูหมดเลยทั้งหัวก็เลยไม่สามารถที่จะตัดลงจากตอมาเลี้ยงแบบไม้ทั่วๆ
ได้ เพราะมันสังเคราะห์แสงเลี้ยงตัวเองไม่ได้
ตัดลงจากตอไปแล้วมันจะนิ่งหยุดการเจริญเติบโตและค่อยๆ ยุบตายลงไปในที่สุด
ซึ่งเมื่อเจ้าหัวสีต้นนี้ตัดลงไม่ได้ ตัดลงแล้วไม่รอด
เพราะฉะนั้นการที่จะทำให้เค้ามีชีวิตอยู่ต่อไป
หนทางมันก็มีเพียงแค่ต้องจับเค้ามากราฟอีกครั้งบนตออันใหม่
เพื่อให้ตออันใหม่เป็นตัวเลี้ยงเค้าให้เจริญเติบโตและมีชีวิตอยู่ต่อไปนั่นเองครับ
ว่าแล้วเราก็ไปลุยกันเลยดีกว่า
สำหรับตอที่จะใช้ในการกราฟแคคตัสนั้น
ผมจะเลือกใช้เป็นตอที่มีขนาดใกล้เคียงกันกับขนาดของแคคตัสที่จะต่อ
หรือไม่ก็จะเลือกเป็นตอที่มีขนาดใหญ่กว่าขนาดของแคคตัสประมาณนึง
ผมว่าถ้าขนาดของตอกับแคคตัสมันสูสีกันเวลาที่กราฟไปแล้วรอยต่อมันจะดูสนิทกันดี
ผมชอบแบบนั้น ผมจะไม่เลือกตอที่มีขนาดเล็กกว่าขนาดของแคคตัสมากเกินไป
ความรู้สึกส่วนตัว ตอที่เล็กกว่าขนาดของแคคตัสมากๆ
ผมต่อแล้วมันให้ผลไม่ค่อยดีเท่าไร ต่อไปแล้วชอบมีปัญหาได้ง่าย
บางทีก็ต่อติดไม่ดียังไงก็ไม่รู้ เพราะงั้นผมจะชอบอะไรที่มันพอดีกันมากกว่าครับ
ซึ่งตอที่ผมเลือกมานั้นก็เป็นตอหนามดำครับ
เทียบดูแล้วขนาดมันสูสีกันดี เลยเอาอันนี้เลย
สำหรับวิธีการกราฟตอหนามดำอย่างละเอียดก็ตามไปอ่านได้ในลิงก์นี้เลยนะครับ การกราฟแคคตัสบนตอหนามดำ และการเปลี่ยนตอ ย้ายตอแคคตัส
ในบทความนี้ผมขอไม่เขียนวิธีการกราฟอย่างละเอียดนะครับ เพราะเนื้อหาของบทความมันยาวเกินไปแล้ว
ผมต้องรวบรัดให้จบแล้วครับตอนนี้
วิธีการแบบรวบรัดก็ เริ่มจาก ปาดที่ตอ ตัดแต่งขอบ
ดูรอยปาดให้เรียบเสมอกัน ถ้าปาดเบียวหรือปากไปแล้วตอยุบก็ให้ปาดใหม่ จนกว่าจะเห็นว่ารอยตัดนั้นเรียบเสมอกันถึงจะพอ
ไม่ค่อยพอใจเท่าไร ขอปาดแต่งอีกสักรอบนึงแล้วกัน
เมื่อปาดทั้งตอและแคคตัสเรียบร้อย
จากนั้นเราก็จับมาต่อกันเลยครับ
แต่ตอนที่ต่อกันผมรู้สึกไม่ค่อยแน่ใจเท่าไร เพราะพอต่อลงไปแล้วพบว่าตอมันเล็กกว่าหัวแคคตัสไปหน่อยนึง เวลาต่อแล้วเนื้อมันเหลื่อมออกมา มันทำให้รู้สึกห่วงขึ้นว่าจะต่อติดดีหรือไม่ แต่ก็ไม่ทันทันและ เพราะปาดไปแล้ว จะวิ่งไปหาตออันใหม่ก็ไม่มีตอที่ใหญ่กว่านี้อยู่เลยในตอนนั้น เพราะงั้นก็เลยต้องเอาแบบนี้เลยแล้วกัน
แต่ตอนที่ต่อกันผมรู้สึกไม่ค่อยแน่ใจเท่าไร เพราะพอต่อลงไปแล้วพบว่าตอมันเล็กกว่าหัวแคคตัสไปหน่อยนึง เวลาต่อแล้วเนื้อมันเหลื่อมออกมา มันทำให้รู้สึกห่วงขึ้นว่าจะต่อติดดีหรือไม่ แต่ก็ไม่ทันทันและ เพราะปาดไปแล้ว จะวิ่งไปหาตออันใหม่ก็ไม่มีตอที่ใหญ่กว่านี้อยู่เลยในตอนนั้น เพราะงั้นก็เลยต้องเอาแบบนี้เลยแล้วกัน
หมุนหัวแคคตัสเพื่อไล่อากาศจากนั้นก็ติดสก็อตเทปเลยทันที
ในการกราฟแคคตัสบนตอหนามดำเราจะทิ้งเอาไว้สัก 2
อาทิตย์เพื่อรอให้เจ้าแคคตัสกับตอนั้นต่อติดกันสนิท แล้วถึงค่อยแกะสก็อปเทป โดยผมจะเอาไม้ที่กราฟไปเก็บไว้ในทีร่มรำไร
ไม่ให้โดนแดดจัดไม่ให้ตากฝนอย่างเด็ดขาด
เพราะถ้าปล่อยให้ตากฝนอาจเกิดปัญหาติดเชื้อและเน่าเอาได้
เช่นเดียวกันถ้าโดนแดดแรงไปหัวแคคตัสอาจจะเหี่ยวจนต่อกันไม่ติดก็เป็นได้
เพราะฉะนั้นจึงต้องเก็บไม้ในที่ไม่โดนฝนและไม่โดนแดดจัดนะครับ
ตัดภาพมีอีกครั้ง ผมแกะสก็อตเทปแล้วนะครับ
เท่าที่ดูก็ปรกติ ไม่ได้มีอะไรครับ
เพราะงั้นผมขอเขียนถึงแค่นี้ก็แล้วกันนะครับ ต้องจบบทความแล้วล่ะครับ
สำหรับในบทความนี้
บอกกันอีกครั้งนะครับว่า
ผมไม่ได้เชี่ยวชาญในการรักษาโรคต้นไม้
ที่เขียนไปทั้งหมดเป็นแค่การแชร์ประสบการณ์ของผมเท่านั้นว่าตอนที่เจ้ายิมโนหัวสีของผมเกิดปัญหาเน่านั้นผมแก้ปัญหายังไง ซึ่งมันอาจจะมีขั้นตอนไหนที่ทำผิดหลักไปก็ได้
เพราะผมก็ไม่ได้รู้อะไรมากมายเลยครับ ผมทำไปตามที่คิดเท่านั้น
เพราะฉะนั้น แนะนำเลยว่าให้หาข้อมูลเพิ่มเติมด้วยนะครับ
อย่าพึ่งเชื่อในสิ่งที่ผมเขียนโดยสนิทใจ พิจารณาให้ดีก่อนนะครับ
และก็อย่าใจร้อนเกินไปด้วยนะครับ บางท่านใจร้อนเกินไป เห็นแคคตัสของต้นเองมีการเปลี่ยนแปลงนิดหน่อย
ก็คิดไปไกลว่ามันจะตาย อย่างเช่นแคคตัสต้นมีอาการต้นนิ่ม
ก็ไปคิดว่ามันเน่า แล้วก็เอามีดไปผ่ามันซะงั้น
ผลปรากฏว่าสรุปแล้วมันไม่ได้เน่า มันแค่ขาดน้ำ
หรือเห็นแคคตัสสีมันผิวเปลี่ยน สีเข้มขึ้นหรืออ่อนลง แล้วก็ไปคิดว่ามันเน่า
ก็เอามีดไปผ่ามัน ทั้งๆ ที่ สีมันอาจจะเปลี่ยนเพราะโดนแดดก็เป็นได้
เพราะในแคคตัสบางชนิดก็สามรถเปลี่ยนสีได้ตามความมากน้อยของแสงแดดที่ได้รับ
ไม่ได้เน่าแต่ประการใด แต่พอรู้ก็สายไปแล้วเพราะใจร้อน เพราะงั้นต้องใจเย็นๆ
ค่อยๆ หาข้อมูลให้ดี ถ้าคุณเล่นเฟสบุ๊กล่ะก็ จะมีเพจที่นำเสนอในเรื่องการปลูกแคคตัสอยู่หลายเพจ
รวมไปถึงมีกลุ่มพูดคุยและเปลี่ยนความรู้ในการปลูกแคคตัสอยู่หลายกลุ่มด้วยเช่นกัน
ลองเข้าไปดูนะครับ มีเรื่องราวมากมายให้อ่านเยอะเลยครับ อย่าใจร้อนนะครับ ค่อยๆ
เรียนรู้ไปดีกว่าครับ
ขอบคุณทุกท่านมากๆ ครับ ที่อ่านมาจนจบ ผมขอตัวไปพักก่อนนะครับ
เป็นบทความที่ดีมาก ผมเจอปัญหาแบบนี้พอดี ทำให้สามารถช่วยชีวิตยิมโนผมรอดตายได้ ขอบคุณจริงๆครับ
ReplyDeleteเจอปัญหาพอดีเลยคะ ขอบคุณมากค่ะ
ReplyDelete