Friday, November 2, 2018

แมมมิลลาเรีย คาร์วินสเกียนา ( Mammillaria karwinskiana )


                          เจ้า Mammillaria karwinskiana ( แมม คาร์วินสเกียนา ) ต้นนี้ เป็นไม้ที่ผมเลี้ยงมานานหลายปีแล้ว ตอนที่ได้มานั้น เค้ายังต้นเล็กๆ ผมซื้อมาราคาไม่แพง ไม่กี่สิบบาท จากตลาดต้นไม้ที่จตุจักร ผมเห็นเจ้าต้นนี้แล้วรู้สึกว่ามันน่ารักดี หนามสวย ราคาไม่แพง ก็เลยซื้อมาลองปลูกดู อยากรู้ว่าเค้าจะเลี้ยงยากหรือง่าย จะเติบโตได้ดีขนาดไหน

ภาพด้านล่างนี้คือภาพของเจ้าต้นนี้ตอนที่ได้มาใหม่ๆ เดือนธันวาคม ปี 2556 


เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ นะครับ เกือบ 5 ปีแล้ว ที่ผมเลี้ยงเจ้าต้นนี้มา

มาคุยกันเรื่องการปลูกและการดูแลกันบ้างดีกว่า


                          สำหรับเจ้าแมมคาร์วินสเกียนา จริงๆ รวมไปถึงแมมมิลลาเรีย สายพันธุ์อื่นๆ ก็ด้วย ในการดูแลแคคตัสสายพันธุ์นี้ของผมนั้น จะใช้รูปแบบในการดูแลแบบเดียวกันเกือบทั้งหมด ซึ่งก็ไม่มีอะไรมาก 


เริ่มจากเรื่องของดินปลูกก่อนเลย


                             สำหรับดินที่ผมใช้ในการปลูกแมมนั้น ผมจะใช้ดินที่มีส่วนผสมที่โปร่งๆ ระบายน้ำได้ดี ไม่สะสมความชื้น เพราะแมมเป็นไม้ที่ค่อนข้างจะเน่าง่าย ถ้าดินชื้นสะสมติดต่อกันนานๆ หลายวันเกินไป มันมีความเสี่ยงที่จะเน่า ผมก็เลยเน้นส่วนผสมให้โปร่งที่สุด เวลารดน้ำไปแล้วจะได้ระบายความชื้นได้ดี ซึ่งส่วนผสมของดินนั้นก็จะมี ดินใบก้ามปูหมัก ร่อนเอาแต่เนื้อดินละเอียด ส่วนที่เป็นก้อนใหญ่ๆ เราไม่เอา เอาแต่เนื้อดินละเอียด จากนั้นก็ผสมกับ หินภูเขาไฟก้อนเล็ก (เบอร์ 00) และเพอร์ไลท์ อัตราส่วนผสมนั้นก็ พอๆ กัน 1 : 1 : 1 ครับ 

                            สำหรับเพื่อนๆ ที่ไม่สามารถหาดินใบก้ามปูหมักได้ สามารถปรับไปใช้เป็นดินแคคตัสที่ขายกันตาม ร้านขายกระบองเพชรก็ได้ครับ ใช้ดินแคคตัส ผสมกับกับ หินภูเขาไฟก้อนเล็ก ( เบอร์00 ) และเพอร์ไลท์ อะไรแบบนี้ก็ได้
  
                           เรื่องดินปลูกเป็นเรื่องที่ไม่ตายตัว ซึ่งนักปลูกท่านอื่นๆ ก็อาจจะมีสูตรดินที่ต่างกันไปก็ได้ครับ แล้วแต่ความชอบของแต่ละท่านเลยครับ


                            ส่วนในเรื่องของสภาพอากาศนั้น แมมมิลลาเลียเป็นไม้ที่ชอบแดด เจ้าต้นนี้ผมจะพยายามเลี้ยงแบบให้เค้าได้รับแสงแดดตลอดทั้งวัน โดนแดดแบบเต็มที่ไม่มีกรองแสงหรือพลางแสงแต่อย่างใด ซึ่งเค้าเป็นไม้ที่ทนแดดแรงๆ ได้อย่างไม่เป็นปัญหา เพราะงั้นผมก็เลยให้เค้ารับแดดเต็มที่เลยครับ ซึ่งพอให้เค้าได้รับแสงแดดอย่างสม่ำเสมอในทุกๆ วัน ปรากฏว่าเค้าออกดอกดีมากๆ มีดอกให้ได้ชมกันเรื่อยๆ เลยล่ะครับ แต่พอลองเอาเค้าไปเลี้ยงแบบให้ได้รับแสงแดดน้อยๆ ไม่ค่อยโดนแดด เค้าไม่ค่อยออกดอกเท่าไรครับ เพราะงั้นโดนแดดเต็มที่ดีกว่าครับ


                            ส่วนการรดน้ำ อย่างที่บอกว่าแมมเป็นไม้ที่เน่าง่ายถ้าชื้นเกินไป เพราะงั้นในการรดน้ำ ผมจะรดก็ต่อเมื่อดินแห้งสนิทแล้วเท่านั้น ถ้าเห็นว่าดินชื้นจะยังไม่รด และถ้าช่วงไหนที่ฝนตกบ่อยๆ ฟ้าครึ้ม อากาศไม่สดใสไม่ค่อยมีแดด ผมก็จะเว้นไปไม่รดน้ำ ไปรดในวันที่อากาศสดใสแดดดีๆ แทน สรุปการรดน้ำง่ายๆ ก็คือ ผมไม่ได้กำหนดว่ารดกี่วันครั้ง แต่จะดูที่ดินว่าแห้งหรอไม่ และอากาศช่วงนั้นสดใสหรือไม่ ถ้าเป็นช่วงหน้าฝนที่ฝนตกบ่อย บางทีผมก็เว้นการรดน้ำไป 2 อาทิตย์รดทีนึงเลยก็มีครับ ดูตามสภาพอากาศ 


ในส่วนของปุ๋ยนั้นก็ง่ายๆ เลย ผมใส่ปุ๋ยละลายช้า (ออสโมโค้ท) 3 เดือนครั้ง
  

                           ในส่วนของการเปลี่ยนดิน พอดีมีเพื่อนๆ ถามเข้ามาว่าควรเปลี่ยนดินแคคตัสปีละกี่ครั้ง หรือกี่ปีครั้ง ซึ่งสำหรับผมนั้น ผมจะเปลี่ยนดินแคคตัส ประมาณปีละครั้ง หรือบางช่วงก็อาจจะนานกว่านั้นนิดหน่อย แล้วแต่ความสะดวก แต่เฉลี่ยๆ จะอยู่ทีปีละครั้ง ผมว่าเป็นช่วงเวลาระยะเวลาที่กำลังดีครับ เปลี่ยนดินเก่าออกไป ให้เค้าได้รับดินใหม่ๆ ที่มีสารอาหารสมบรูณ์ และการเปลี่ยนดินนั้นก็จะทำให้เราได้เช็คสภาพความสมบรูณ์ของไม้ไปในตัวด้วยว่า มีอาการอะไรผิดปรกติหรือมีรอยแผลมีโรคหรือปัญหาอะไรแอบแฝงอยู่บ้างหรือไม่ ถ้ามีก็จะได้รักษาไม่ให้ลุกลาม อะไรแบบนั้น
  

                             แต่สำหรับเจ้าต้นนี้ บางท่านเห็นรูปแล้วก็อาจจะสงสัยว่าผมเลี้ยงมาตั้ง 5 ปี แล้ว แต่ทำไมดูเติบโตช้าจัง 5 ปี ต้นน่าจะใหญ่ได้มากกว่านี้ ซึ่งก็ต้องบอกตามตรงว่า ที่เค้าไม่โตเท่าที่ควรเพราะว่าช่วงนึงผมมีปัญหาเกี่ยวกับสถานที่ปลูก พูดง่ายๆ ว่าที่ปลูกเต็ม นั่นทำให้ผมไม่สามารถเปลี่ยนเค้าไปใส่กระถางขนาดใหญ่ได้ เพราะมันจะไม่มีที่วาง แคคตัสหลายๆ ต้นของผมก็เลยโดนจับเค้าเลี้ยงอัดอยู่ในกระถางเล็กๆ อยู่นานเป็นปีๆ เพื่อให้สามารถวางได้พอเพียงในพื้นที่ๆ มี พอต้นโดนบีบอยู่ในกระถางที่เล็กก็ทำไม่สามรถเติบโตได้อย่างเต็มที่เพราะมันโตได้แค่คับกระถาง ไปต่อไม่ได้ การเจริญเติบโตของเค้าเลยชะงักไปพักนึง พึ่งจะมีช่วงหลังๆ นี่แหละครับที่ผมสามารถขยับขยายสถานที่ปลูกเพิ่มเติมขึ้นมาได้ ก็เลยได้โอกาสเปลี่ยนเค้าไปใส่กระถางที่ใหญ่ขึ้น ต้นจึงเริ่มมีพัฒนาการการที่ดีขึ้นกว่าแต่ก่อน ซึ่งก็ต้องดูกันต่อไปครับ 


                            ก็ประมาณนี้แล้วกันนะครับ สำหรับเรื่องราวของเจ้า mammillaria karwinskiana เท่าที่ผมเลี้ยงมา เค้าเป็นไม้ที่ผมว่าเลี้ยงไม่ยาก ออกดอกเก่งใช้ได้ ผมเห็นเค้าออกดอกเรื่อยๆ ยิ่งถ้าเป็นช่วงที่แดดดีๆ ดอกจะมาต่อเนื่องเลยล่ะครับ ผมว่าสายพันธุ์นี้เหมาะสำหรับมือใหม่ที่อยากลองหาแคคตัสสายพันธุ์แมมมิลลาเรียมาหัดปลูกดูสักต้น ถ้าสถานที่ปลูกของคุณนั้นมีแสงแดดส่องดีๆ อย่างน้อยมีแดดส่องครึ่งวันขึ้นไปในทุกๆ วัน ก็น่าจะเลี้ยงให้เติบโตสวยงามออกดอกให้ชื่นใจได้แน่นอนครับ

.

แล้วพบกันใหม่ครับ

เพจของเรา https://www.facebook.com/chowcactus

No comments:

Post a Comment

Note: Only a member of this blog may post a comment.