สวัสดีครับ วันนี้ผมมีภาพและเรื่องราวของเจ้าแคคตัสอิชินอปซิส ดอกสีขาวแสนสวย ( Echinopsis subdenudata ) มาฝากให้ได้ชมกัน ภาพชุดนี้ผมถ่ายเก็บเอาไว้สักพักใหญ่ๆ แล้ว แต่พึ่งจะว่างเอามาลงนี่แหละ เอาเป็นว่าเราเริ่มเรื่องราวของเจ้ากระบองเพชรต้นนี้กันเลยดีกว่าครับ
เจ้าอิชินอปซิสต้นนี้ผมเลี้ยงมาหลายปีแล้วครับ จำได้ว่าตอนที่ได้มาใหม่ๆ นั้น ต้นยังเล็กมาก ประมาณ 3 ซม. ผมซื้อมาจากร้านขายกระบองเพชรแถวๆ บ้าน ราคาในตอนนั้น ต้นละไม่กี่สิบบาทเองครับ ก็ถือเป็นไม้ราคาสบายๆ ซื้อได้แบบไม่ต้องคิดอะไรมาก
แต่ตอนนั้นก็ต้องบอกว่าผมยังไม่ค่อยทราบข้อมูลในการปลูกเลี้ยงแคคตัสสายพันธุ์นี้สักเท่าไร เลี้ยงยากหรือง่ายก็ไม่แน่ใจ เพราะตอนนั้นผมยังมือใหม่มากๆ ยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับแคคตัสสายพันธุ์นี้ เคยเห็นมาบ้าง แต่ยังไม่เคยลองปลูกจริงจัง แต่คือลักษณะต้นของเค้าดูน่าสนใจ ราคาก็ไม่แพง ก็เลยเอามาลองดูสักต้นนึงแล้วกัน เผื่อจะเลี้ยงง่าย แต่ถ้าเลี้ยงยากหรือเลี้ยงแล้วตายก็ไม่เป็นไร ถือเป็นการเรียนรู้ก็แล้วกัน
ซึ่งหลังจากที่ได้ลองปลูก ได้มองดูพัฒนาการของเค้ามาตั้งแต่ตอนนั้นที่ยังเล็กๆ จนกระทั่งตอนนี้ที่เค้าเติบใหญ่มีดอกสวยงาม ผมว่าเค้าเป็นไม้ที่เลี้ยงง่าย แข็งแรง อดทนต่อสภาพอากาศได้ดีมาก แถมยังโตเร็วมากๆ อีกตางหาก และออกหน่อเก่งมากด้วยครับ
แต่ติดอยู่เรื่องนึง คือเรื่องของการออกดอกที่ผมยังถือว่าสอบตก เพราะอิชินอปเป็นไม้ที่ผมเลี้ยงแล้วออกดอกไม่ค่อยสำเร็จสักเท่าไร เวลาที่เค้าออกดอก จะมีหลายครั้งที่ดอกออกมาแล้วจะฝ่อเหี่ยวแห้งไปก่อนจะบานซะงั้น
แต่ไม่ได้หมายความว่าแคคตัสสายพันธุ์นี้ออกดอกยากนะครับ คือมันอาจจะมีแค่ผมก็ได้ที่เจอ ท่านอื่นๆ ที่ปลูกอาจจะไม่ได้เจอปัญหานี้ อาจจะออกดอกได้ดีไม่มีปัญหาอย่างผมเป็นก็ได้นะครับ
เรามาดูในส่วนของการปลูกเลี้ยง ดูแลแคคตัสสายพันธุ์นี้กันบ้างดีกว่า
สำหรับการดูแลของผมนั้น
ก็ไม่ได้มีวิธีการที่ซับซ้อนอะไร ผมเลี้ยงแบบง่ายๆ เลยครับ
เริ่มจากเรื่องของดินปลูก ก็เลือกใช้เป็นดินที่มีส่วนผสมที่โปร่งๆ ระบายน้ำได้ดี โดยดินที่ผมใช้ในการปลูกกระบองเพชรนั้น ผมผสมเองครับ ส่วนผสมก็จะมี ดินใบก้ามปูร่อนเอาแต่เนื้อดินละเอียดๆ ผสมกับหินภูเขาไฟก้อนเล็กและเพอร์ไลท์ ในอัตราส่วนผสมทีพอๆ กันครับ แต่ถ้าไม่อยากผสมดินเองจะซื้อดินแคคตัสที่ขายกันตามร้านขายกระบองเพชรมาใช้ก็พอได้อยู่ครับผ่านจากเรื่องดินก็มีที่เรื่องของอากาศที่เหมาะสมต่อการปลูกกันบ้าง
แคคตัสนั้นเป็นไม้ที่ชอบแสงแดด เพราะฉะนั้นการให้เค้าได้รับแสงแดดดีๆ ส่องถึงอย่างสม่ำเสมอ ในทุกๆ วัน เป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะแสงแดดนั้นจะส่งผลต่อการเจริญเติบโตและการออกดอกของแคคตัสสายพันธุ์นี้เป็นอย่างมาก แดดดี การเจริญเติบโตก็จะดี และมีโอกาสที่เค้าจะออกดอกได้มากกว่าการเลี้ยงแบบให้โดนแดดน้อยๆ
แต่ถ้าสถานที่ปลูกของท่านนั้นมีแดดส่องน้อยมากๆ วันละไม่กี่ชั่วโมงล่ะก็ มันก็พอจะเลี้ยงได้อยู่นะครับ ไม่ใช่ว่าแดดน้อยแล้วจะเลี้ยงไม่ได้ เลี้ยงรอดได้ เติบโตได้ แต่จะไม่ดีเท่าเลี้ยงแบบให้โดนแดดสม่ำเสมอ และในความรู้สึกของผม ในช่วงที่เค้าโตพร้อมที่จะมีดอก ถ้าให้โดนแดดน้อย หรือโดนแดดไม่ต่อเนื่องสม่ำเสมอ เค้าจะไม่ค่อยออกดอกเท่าไรครับ และนอกจากนั้น แคคตัสที่ได้รับแสงแดดน้อยเกินไป ต้นจะยืดยาวจนเสียทรง ไม่กลมสวยอีกด้วยนะครับ รวมไปถึงถ้าสถานที่ปลูกนั้นอับชื้นอากาศถ่ายเทไม่ดีหรือไม่มีหลังคากันฝน โดนฝนสาดตลอดทุกครั้งที่ฝนตก ก็อาจเกิดปัญหาเกี่ยวกับโรคที่มากับความชื้นมารบกวนได้ง่ายด้วยนะครับ เพราะฉะนั้นแสงแดดจึงสำคัญต่อการปลูกไม้ประเภทนี้จริงๆ ครับ
เพิ่มเติมในเรื่องของแสงแดด บางท่านอาจจะกังวลว่าถ้าตากแดดทั้งวันกลัวแดดจะแรงไป กลัวไม้จะไหม้แดดล่ะก็ หาสแลนมาขึงเพื่อกรองแสงก็จะช่วยลดความแรงของแสงแดด ลดโอกาสเกิดปัญหาแคคตัสไหม้แดดได้เยอะเลยล่ะครับ ผมว่าถ้าสถานที่ปลูกของท่านต้องโดนแดดเต็มๆ ทั้งวันล่ะก็ ขึงสแลนเถอะครับ
ส่วนในเรื่องของการรดน้ำนั้น ผมไม่ได้กำหนดแน่ชัดว่ากี่วันครั้ง แต่จะรดน้ำเมื่อเห็นว่าดินแห้งสนิทแล้วเท่านั้น ถ้าเห็นว่าดินยังชื้นยังแฉะก็จะเว้นไปก่อนยังไม่ต้องรดครับ และถ้าช่วงไหนที่ฝนตกบ่อยๆ หรือฟ้าครึ้มไม่ค่อยมีแสงแดด อากาศไม่สดใสผมก็จะไม่รดน้ำเช่นกัน จะรดในวันที่แดดดีๆ อากาศแจ่มใสอะไรประมาณนั้น
แต่ถ้าคุณไม่สะดวกในเรื่องของเวลา ต้องเรียน ต้องทำงาน จะว่างเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์เท่านั้น ก็จัดตารางการรดนํ้าเป็นอาทิตย์ละครั้งก็ได้ครับ แต่เมื่อถึงกำหนดวันที่ต้องรดนํ้า ให้สังเกตุที่ดินก่อนจะรดนํ้าว่าดินแห้งหรือไม่ ถ้าดินยังชื้น ยังแฉะก็ยังไม่ต้องรด อาทิตย์นั้นเว้นไปก่อน แต่ถ้ามองแล้วว่าดินแห้งสนิทก็ค่อยรด แบบนี้ก็พอได้อยู่ครับ
พูดถึงเรื่องรดน้ำแล้วก็ต้องพูดเรื่องฟ้าฝนด้วย เพราะบ้านเรานั้นฝนตกแทบจะตลอดทั้งปี ผมว่าถ้าเป็นไปได้ ในการปลูกแคคตัส อย่าให้เค้าตากฝนบ่อยๆ นะครับ เพราะแคคตัสนั้นเป็นไม้ที่ค่อนข้างจะมีปัญหากับความชื้น เช่นโรครา โรคเน่า พวกนี้จะมีสาเหตุมาจากความชื้นที่สะสมมากเกินไป ซึ่งถ้าสถานที่ปลูกของท่านนั้นต้องตากฝนทุกครั้งที่ฝนตก ไม่มีอะไรกันฝนเลยละก็ มีโอกาสเกิดโรคได้นะครับ เพราะงั้นถ้าเป็นไปได้ อย่าให้เค้าตากฝนบ่อยๆ ทำหลังคาหรือเวลาฝนตกก็เอาเค้าหลบใต้หลังคาอย่าให้โดนฝนก็น่าจะดีกว่าปล่อยเค้าตากฝนนะครับ
ส่วนการใส่ปุ๋ยก็ไม่มีอะไรมาก ผมใส่ปุ๋ยละลายช้า (ออสโมโค้ท) 3 สามเดือนใส่ครั้งนึง แค่นี้ครับ
ก็ประมาณนี้ครับสำหรับการดูแลเจ้าอิชินอปต้นนี้ ซึ่งที่ผ่านมาก็โอเคนะครับ อาจจะมีที่ผมขี้เกียจเปลี่ยนดินไปบ้าง อะไรบ้าง ต้นก็เลยโทรมไปพักนึง แต่ก็ไม่เคยเจอปัญหาใหญ่ๆ มารบกวนใจเท่าไรครับ
ลืมบอกไป เจ้าอิชินอปซิสต้นนี้ ครั้งนึงผมเคยจับเจ้าต้นนี้มาเขียนเป็นตัวหลักของบทความด้วยนะ เป็นบทความเกี่ยวกับการตัดแต่งรากแคคตัส ถ้าท่านสนใจเกี่ยวกับเรื่องราวของการเปลี่ยนดินแคคตัส และตัดแต่งราก ก็กดเข้าไปดูตามลิงก์นี้เลยครับ มาตัดแต่งรากแคคตัสกันดีกว่า
ช่วงหน้าร้อนอย่างช่วงนี้เป็นฤดูกาลที่อิชินอปจะชอบออกดอก จริงๆ
ฤดูกาลอื่นก็ออกดอกได้นะ แต่ว่าผมจะเห็นเค้าออกดอกตอนหน้าร้อนบ่อยกว่าหน้าอื่น
ก็เลยคิดเอาว่าหน้าร้อนน่าจะเป็นช่วงที่เหมาะสมที่สุดต่อการออกดอกของแคคตัสสายพันธุ์นี้
เพราะงั้นช่วงนี้ก็เลยจะเป็นช่วงที่คนปลูกอย่างเรานั้นจะคาดหวังอยู่พอสมควรว่าจะได้เห็นเค้ามีดอกก็คงจะดี
ดอกสวยดีเลยทีเดียว แถมดอกยังใหญ่มากเลยด้วย น่าประทับใจมากๆ เลยล่ะครับ แต่น่าเสียดายอย่างนึงคืออิชินอปซิส
เป็นแคคตัสที่เวลาออกดอก ดอกจะบานแค่วันเดียวเท่านั้น บานเพียงวันเดียวแล้วจบเลยครับ
ซึ่งเวลาที่ดอกของเค้าจะเริ่มบานนั้น ผมไม่มั่นใจเท่าไรว่าแคคตัสสายพันธุ์นี้ดอกจะเริ่มแย้มบานตอนกี่โมงแบบแน่ๆ
เคยอ่านเจอว่าหลังเที่ยงคืน - เช้ามืด แต่คือช่วงนั้นผมตื่นไม่ทันน่ะครับ
เลยไม่ทราบว่ามาตอนตีไหนอย่างไร ผมมาเห็นอีกทีก็ตอน 6 โมงเช้า
ซึ่งเค้าเริ่มบานไปแล้ว
อย่างในภาพต่อไปด้านล่างอันนี้คือภาพที่ผมถ่ายไว้ตอนเวลาประมาณ 6 โมงกว่าๆ ครับ
อย่างในภาพต่อไปด้านล่างอันนี้คือภาพที่ผมถ่ายไว้ตอนเวลาประมาณ 6 โมงกว่าๆ ครับ
ส่วนภาพด้านล่างนี้คือตอนประมาณ 10 โมงครึ่ง
ซึ่งเป็นตอนที่ดอกของเค้าบานเต็มที่แล้วล่ะครับ หลังจากนี้อีกไม่นานนักสักช่วงบ่ายๆ ดอกก็จะเริ่มหุบแล้วล่ะครับ เพราะงั้นถ้าพลาด ในวันที่ดอกของเค้าบานถ้าเกิดว่าเราไม่ทันได้ดู หรือไม่ว่างมาดูล่ะก็น่าเสียดายจริงๆ ครับ ต้องรอรอบต่อไป
ซึ่งเป็นตอนที่ดอกของเค้าบานเต็มที่แล้วล่ะครับ หลังจากนี้อีกไม่นานนักสักช่วงบ่ายๆ ดอกก็จะเริ่มหุบแล้วล่ะครับ เพราะงั้นถ้าพลาด ในวันที่ดอกของเค้าบานถ้าเกิดว่าเราไม่ทันได้ดู หรือไม่ว่างมาดูล่ะก็น่าเสียดายจริงๆ ครับ ต้องรอรอบต่อไป
ตอนแรกกะว่าจะมาแค่ลงรูปแล้วเขียนอะไรนิดๆ หน่อยๆ
แค่นั้น แต่สุดท้ายเขียนเยอะมากๆ
คิดว่าทุกท่าน กว่าจะอ่านมาถึงตรงนี้ก็คงจะเหนื่อยกันแล้วล่ะนะ
เพราะงั้นผมว่าเราพอแค่ตรงนี้ดีกว่าเนอะ
เดี๋ยวเอาไว้โอกาสต่อไปถ้ามีอะไรเพิ่มเติมค่อยมาว่ากันใหม่ก็แล้วกันครับ
สำหรับเรื่องราวของ ( Echinopsis subdenudata )
หรือเจ้าแคคตัสอิชินอปซิส
ดอกขาวแสนสดใส ก็คงจะต้องลากันไปแต่เพียงเท่านี้
ถ้าท่านเห็นภาพเจ้าแคคตัสชนิดนี้แล้วสนใจ อยากซื้อหามาปลูก จะซื้อได้ที่ไหน
ผมว่าลองถามที่ร้านขายกระบองเพชรแถวๆ บ้านท่านดูนะครับ ไปร้านใหญ่ๆ
ที่ขายกระบองเพชรเยอะๆ สักหน่อยก็น่าจะมีนะครับ หรือลองถามคนขายว่ามีแคคตัส อิชินอป
หรือบางคนก็เรียกว่า บอลลูน ขายมั้ย ผมว่าน่าจะมีนะ เท่าที่ผมเคยเห็น
ไม้ตัวนี้เป็นไม้ตลาดที่มีขายทั่วไป เพราะงั้นไม่น่าจะหายากนะครับ
โดยไซส์ของแคคตัสสายพันธุ์นี้ที่เค้าขายกันนั้น เท่าที่ผมเคยเห็น ถ้าขนาดต้นจะประมาณ 3 ซม. ราคาอยู่ที่ 20-50 บาทครับ แต่ถ้าต้นใหญ่กว่านั้นราคาก็จะแพงขึ้นไปอีกเป็นลำดับไป ตามขนาดของต้น หรือถ้าต้นที่เอามาขายนั้นกำลังอยู่ในช่วงออกดอกพอดี ราคาก็จะขึ้นไปอีกระดับ แต่ก็ไม่แพงเกินไปหรอกครับ แคคตัสสายพันธ์นี้ราคาไม่ได้โหดอะไรมากมายนัก
คือผมแนะนำให้เดินหาเองตามร้านแถวบ้านเพราะไม้ตัวนี้ผมเห็นค่อนข้างเยอะ ร้านขายกระบองเพชรเล็กๆ ตามตลาดนัดทั่วไปก็เคยเห็นมีเอามาขายอยู่เรื่อยๆ เพราะงั้นผมก็เลยรู้สึกว่ามันไม่น่าจะเป็นไม้ที่หายากอะไร ถ้าผ่านร้านแคคตัสใกล้ๆ บ้าน
ก็ลองดูที่นั่นก่อนดีกว่าครับ เวลาเราไปซื้อเองที่ร้าน เราสามารถหยิบจับเลือกต้นไม้ขึ้นมาดูได้อย่างละเอียดด้วย จะได้เลือกต้นที่ถูกใจเราด้วยครับ
ก็ประมาณนี้ครับสำหรับเรื่องราวในวันนี้ ขอให้สนุกกับการปลูกต้นไม้ แล้วพบกันใหม่ครับ
No comments:
Post a Comment
Note: Only a member of this blog may post a comment.