ปี 2018 เป็นปีที่ผมเจอเรื่องราวมากมายในการปลูกแคคตัส มีทั้งเรื่องราวที่ดี เรื่องที่แย่ก็มี มีแคคตัสตายจากกันไปหลายต้น บางต้นเป็นต้นที่ผมรักมากๆ แต่สุดท้ายก็ช่วยไว้ไม่ทัน แต่ก็มีแคคตัสที่เกิดขึ้นมาใหม่อีกมากมายจากการเพาะเมล็ด แคคตัสที่ซื้อมาใหม่ก็เยอะ มีหลายสายพันธุ์เลยที่พึ่งจะมาได้เริ่มรู้จักกัน บางสายพันธุ์ก็รู้จักมาบ้างแล้วแต่ยังไม่เคยลองเลี้ยงก็ได้มาลองเลี้ยงดูสักที เรียกได้ว่าปีที่ผ่านมาเป็นปีที่การปลูกแคคตัสของผมนั้นเข้มข้นมากๆ ปวดหัวบ้างในบางครั้ง แต่ก็ชื่นใจที่มีแคคตัสออกดอกสวยๆ ให้ได้หายเหนื่อยกันตลอดปี ซึ่งเพื่อนๆ พี่ๆ ที่ติดตามเฟสบุ๊กแฟนเพจของเราก็คงจะได้เห็นภาพแคคตัสผมเอามาลงไว้บ่อยๆ แต่สำหรับเพื่อนๆ ที่ไม่ได้เล่นเฟสบุ๊ก ก็อาจจะไม่ค่อยได้เห็นเท่าไรเพราะในบล็อกส่วนใหญ่จะลงแต่บทความ เพราะงั้นวันนี้ผมก็เลยขอหยิบภาพที่เคยลงในเฟส คัดบางส่วนเอามาลงให้ได้ชมกัน ซึ่งรวมภาพแคคตัสออกดอกที่ผมคัดมาให้ได้ดูกันในวันนี้นั้นก็จะเป็นรวมภาพ แคคตัสแอสโตรไฟตั้ม ( Astrophytum ) ครับ
แอสโตรไฟตั้ม ( Astrophytum ) นั้นเป็นไม้ที่เป็นแรงบันดาลใจที่สำคัญในการปลูกแคคตัสของผมเลยก็ว่าได้ คือเมื่อก่อนตอนที่ผมหัดปลูกแคคตัสใหม่ๆ ผมเริ่มจากการหัดปลูกพวกยิมโนและแมม แต่แคคตัสที่เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ผมอยากศึกษาและขยายพันธุ์อย่างจริงจังก็คือเจ้าแอสโตรไฟตั้มนี่แหละครับ
ด้วยความที่แอสโตรเป็นไม้ที่มีหน้าตาที่หลากหลาย ทั้งลวดลายของต้นที่มีหลายแบบ ทรงต้นที่มีหลายฟอร์ม ลักษณะดอกที่มีความสวยงาม พูดง่ายๆ เลยก็คือผมหลงใหลในแคคตัสสายพันธุ์นี้ ผมก็เลยพยายามที่จะเก็บรวบรวมและเริ่มขยายพันธุ์มาเรื่อยๆ ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งถ้าให้นับที่มีอยู่ตอนนี้ ก็ต้องบอกว่าผมนับไม่ได้เหมือนกันว่ามีกี่ต้น เพราะมีเยอะครับ
ซึ่งแนวทางในการเลี้ยงแอสโตรของผมนั้น ผมอยากสร้างต้นใหม่ๆ ที่สวยงาม อยากเห็นไม้ที่มีความหลากหลาย เพราะฉะนั้นผมจึงเน้นในเรี่องของพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ การผสมเกสร ซึ่งปีที่ผ่านมาบอกเลยว่า ผมผสมเกสรและเพาะเมล็ดแอสโตรไปเยอะเลยครับ เพราะว่าปีที่ผ่านมา เจ้าแอสโตที่บ้านผมออกดอกกันอย่างน่าพอใจ โดยเฉพาะตอนช่วงหน้าร้อนซึ่งเป็นฤดูกาลที่สภาพอากาศและแสงแดดเหมาะสมต่อการออกดอกของแอสโตร เค้าก็เลยออกดอกกันเยอะเลยครับ
แอสโตรต้นพ่อ-แม่พันธุ์กำลังออกดอก บางส่วนก็ติดฝักแล้ว |
แต่ไม่ใช่ว่าเจ้าแอสโตรทุกต้นที่ออกดอกมาปุ๊บ ผมจะจับไปผสมเกสรหมดเลยหรอกนะครับ เวลาที่ผมจะผสมเกสร ผมจะคัดก่อนครับว่ามีต้นไหนที่ออกดอกบ้าง แล้วจะเลือกมาแต่ต้นที่มีลักษณะที่ผมสนใจ ซึ่งลักษณะผมเลือกนั้นก็จะมีอย่างเช่น ด่างลายสวย ด่างกระจาย ทรงต้นดี กิ๊กโกะ พูแทรก ลายต้นเป็นลายวีที่ออกลายชัด ดอกสีสวยอย่างสีชมพูแดง ดอกฝอย ( shinshowa ) และต้นที่ผมถูกชะตา
เหล่านี้คือที่ผมเลือกเวลาจะผสม ส่วนต้นที่ยังไม่โดนใจผมก็จะไม่ผสมครับ เพราะว่าเวลาที่ผมจะจับผสมเกสรนั้น ผมจะคิดล่วงหน้าไปด้วยว่า สองต้นนี้ลักษณะแบบนี้มาเข้ากัน ลูกจะไปในทิศทางไหน ถ้าคิดแล้วน่าสนใจก็ทำ แต่ถ้าลองจับมาคู่กันแล้วผมรู้สึกว่ามันไม่น่าสนใจ ก็จะไม่ทำ เลือกทำแค่ที่สนใจเท่านั้นครับ
พ่อ-แม่พันธุ์แอสโตรบางส่วน |
อย่างเช่นในรูปนี้ก็คือเหล่าพ่อพันธุ์แม่พันธุ์แอสโตรด่างบางส่วนที่ผมผสมไปในปีนี้
เจ้าแอสโตรที่กำลังติดฝัก |
แค่บางส่วนเท่านั้นนะ ยังมีอีกหลายต้นที่ไม่ได้ถ่ายรูปเก็บไว้
ฝักแอสโตรที่แก่แล้ว แกะให้ดูเมล็ดด้านใน |
ซึ่งลูกไม้เพาะเมล็ดที่ผมผสมเกสรและเพาะเอาไว้ในปีที่ผ่านมานั้น ก็ได้ลูกไม้ที่ผมว่าน่าสนใจมาหลายต้นเหมือนกันครับ ส่วนใหญ่จะเน้นเป็นแอสโตรด่าง ปีที่ผ่านมาผมพสมเกสรแอสโตรด่างมากที่สุดเลยก็ว่าได้ ซึ่งถ้าเค้าเติบโตขึ้นมาก็อาจจะมีแบ่งจำหน่ายกันต่อไปในอนาคตครับ
ลูกไม้เพาะเมล็ดของปีที่ผ่านมา |
ปล. ผมไม่ได้ขายเมล็ดนะครับ ขายแต่ต้น และในการขายนั้นก็จะมีลงขายในหน้าแฟนเพจเฟสบุ๊กครับ ซึ่งจะมีการประกาศอีกทีตอนที่จะขายเพราะไม่ได้ขายทุกวันครับ ไม่มีกำหนดที่แน่นอน แต่ขายเมื่อไรจะมีประกาศทางหน้าเพจครับ แต่ผมไม่ได้ขายเมล็ดอย่างแน่นอนครับ
พูดถึงการออกดอก มีคนส่งข้อความถามผมทางเพจเฟสบุ๊กมาบ่อยๆ ว่า แอสโตรกี่ปีออกดอก ซึ่งคำถามนี้ผมขอตอบนะครับว่า แคคตัสแอสโตรไฟตั้มนั้น ถ้าให้นับตั้งแต่วันที่เค้างอกออกมาจากเมล็ดไปจนกระทั้งเติบโตพร้อมที่จะออกดอก เค้าจะเริ่มออกดอกตอนอายุประมาณ 2 ปีขึ้นไปครับ บางต้นก็ปีครึ่งก็เริ่มมีดอกแล้ว ซึ่งถ้าคุณไม่ได้เพาะเมล็ดเอง คุณซื้อต้นที่มันโตแล้วมาจากร้านล่ะก็ ส่วนใหญ่ที่เค้าขายกันมันก็เป็นต้นที่อายุ ปีครึ่ง หรือ 2 ปีขึ้นไปอยู่แล้วแหละ เป็นอายุที่ใกล้จะพร้อมออกดอกได้แล้วครับ แต่ถึงแม้ว่าอายุจะถึงก็ไม่ได้หมายความว่าเค้าจะออกดอกได้ง่ายๆ นะครับ มันไม่ใช่ว่าซื้อมาวางตรงไหนก็ได้ เลี้ยงยังไงก็ได้แล้วเค้าจะออกดอกตลอดเลยนะครับ มันขึ้นยู่กับสภาพอากาศที่ได้รับและการดูแลด้วย
แคคตัสเป็นไม้ที่ชอบแดด แอสโตรไฟตั้มชอบแดดสม่ำเสมอ ถ้าอยากให้เค้าออกดอก ในการปลูกควรเลี้ยงให้ต้นของเค้าสมบรูณ์แข็งแรง และให้เค้าได้รับแสงแดดอย่างสม่ำเสมอตลอดทั้งวันหรืออย่างน้อย 4-5 ชั่วโมงขึ้นไป ในทุกๆ วัน อาจจะเป็นได้รับแดดตั้งแต่ 8 โมงเช้าจนถึงช่วงกลางวันก็ได้ อย่างตัวผมนั้นผมเลี้ยงในโรงเรือนที่ได้รับแสงแดดอย่างสม่ำเสมอ ( มีการขึงสแลนกรองแสง 50 % เพื่อลดความแรงของแดดไม่ให้จัดเกินไป เดี๋ยวแคคตัสจะไหม้แดดเอาได้ )
ซึ่งเท่าที่เลี้ยงมา การออกดอกถือว่าน่าพอใจครับ เพราะฉะนั้นการให้เค้าได้รับแสงแดดอย่างพอเพียงในทุกๆ วันนั้นสำคัญต่อการออกดอกมากๆ ครับ ถ้าเค้าไม่ค่อยโดนแดด แดดน้อยไป ดอกจะไม่ค่อยออกครับ
ส่วนการใส่ปุ่ยนั้นผมใส่เป็นปุ๋ยละลายช้า (ออสโมโค้ท) 3 เดือนครั้งครับ แค่นี้จบเลยครับ
สรุปง่ายๆ เรื่องการออกดอกของแอสโตรนั้น ถ้าต้นสมบรูณ์แข็งแรงดี ในการปลูกให้เค้าได้รับแสงแดดอย่างสมํ่าเสมอพอเพียง ก็น่าจะได้เห็นเค้าออกดอกครับ
แต่ก็มีแอสโตรบางต้นเหมือนกันนะครับ ที่เลี้ยงยังไงก็ไม่ยอมออกดอก ผมมีต้นนึงที่เลี้ยงมา 4 ปี ซื้อมาตอนต้นเค้าโตแล้วด้วย เพราะงั้นอายุรวมเค้าจนถึงตอนนี้น่าจะไม่น้อยกว่า 6 ปี แต่ไม่เคยอกดอกเลยสักครั้ง จนผมเลิกคิดไปแล้วว่าเค้าจะออกดอก เพราะงั้นผมว่ามันก็ไม่ใช่ทุกต้นที่ออกดอกง่าย แอสโตรบางต้นที่ไม่ค่อยออกดอกก็มีครับ แต่ส่วนน้อยนะ ต้นที่ผมเลี้ยงส่วนใหญ่ไม่เป็นแบบนั้น ออกดอกปรกติครับ
ผ่านจากเรื่องของการออกดอกและการเพาะเมล็ด ไปคุยในเรื่องปัญหาในการปลูกแคคตัสกันบ้าง ช่วงปีที่ผ่านมา เป็นช่วงที่ผมเจอปัญหาในการปลูกแคคตัสอยู่หลายครั้งเหมือนกัน โดยเฉพาะกับเจ้าแอสโตนั้น มีหลายต้นที่ต้องจากกันไปอย่างน่าเสียดาย บางต้นเป็นไม้ที่มีราคา แต่บางต้นราคาไม่ได้แพงเท่าไรแต่เป็นต้นมีคุณค่าทางใจ เป็นต้นที่รักมากแต่เน่าตายไปก็ทำเอาใจหายเหมือนกันครับ
จากกันไปซะแล้วต้นนี้ |
อย่างเช่นเจ้าดอกฝอยต้นนี้ ( shinshowa ) ตอนนี้เค้าจากไปแล้ว เน่าตายไปตอนช่วงเกือบๆ กลางปีที่แล้ว คือถ้าให้พูดถึงราคา ต้นนี้มันก็ไม่ได้แพงอะไรมากมาย แต่ว่าเค้าคือแอสโตรที่อยู่กับผมมาหลายปีตั้งแต่ตอนเค้ายังเล็กๆ เป็นดอกฝอยต้นแรกของผมเลย และเป็นแม่พันธุ์ที่ดีมากๆ ให้ลูกได้ดีมากๆ พอเค้าจากไปผมเสียดายมากๆ ครับ แต่ก็ต้องยอมรับในเรื่องที่เกิดขึ้น เอาไปปรับปรุงแก้ไขต่อไป
ต้นนี้ก็จากไปอย่างน่าเสียดาย |
แล้วก็มีเจ้ามายริโอด่าง ( Astrophytum Myriostigma variegata ) ต้นนี้อีกต้นนึงที่จากไปเมื่อตอนช่วงกลางปี ต้นนี้ก็น่าเสียดายมาก เพราะเป็นมายริโอด่างต้นแรกของผมเลยก็ว่าได้เลี้ยงมาหลายปีเช่นกัน และผมมีมายริโอด่างเก็บไว้แค่ไม่กี่ต้นด้วย แล้วคือต้นนี้มันเป็นไม้กราฟต่อตอหนามดำ ตอยาวมากด้วย แต่เกิดปัญหาตอเน่าลามไปเน่าที่หัวแคคตัสด้วย ผมช่วยไม่ทัน เล่นเอาพูดไม่ออกเลยครับ
นอกเหนือจาก 2 ต้นที่เอ่ยไปที่เอ่ยก็มีที่จากไปอีกหลายต้นตอนช่วงกลางปี คือต้องบอกว่าช่วงหน้าฝนนั้นเป็นช่วงที่ปัญหาเกิดกับแคคตัสได้ง่ายมาก อาจเพราะว่าโรคที่มากับความชื้นอย่างโรคเน่า โรครานั้นเกิดขึ้นได้ง่ายในช่วงที่อากาศชื้นอย่างช่วงหน้าฝน ถ้าเราไม่ทันระวัง ควบคุมการปลูกได้ไม่ดี ปัญหาอาจเกิดขึ้นได้โดยไม่ทันตั้งตัวเลยล่ะครับ แล้วบอกเลยนะครับว่าอาการเน่าของแคคตัสนั้นลุกลามเร็วมากๆ พอเริ่มเน่าปุ๊บ ไม่กี่วันต่อมามันลามไปหมดทั้งหัวแบบช่วยไม่ทันเลยล่ะครับ เพราะงั้นช่วงหน้าฝนต้องระวังมากๆ ในการปลูกให้มากๆ นะครับ
ซึ่งผมก็ระวัง ป้องกันอย่างเต็มที่อยู่นะครับ มีฉีดยากันรากันเน่าป้องกันไว้ทุกเดือนตอนช่วงหน้าฝน โรงเรือนหลักก็มีหลังคากันฝน พยายามดูสภาพอากาศ ถ้าช่วงไหนฝนตกบ่อยผมจะเว้นการรดน้ำ จะรดเฉพาะวันที่อากาศสดใส พยายามดูความเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อยๆ แต่ก็อย่างที่เห็นว่าเอาไม่อยู่ ยังมีแคคตัสต้นสำคัญต้องเจอปัญหาอยู่ดี มันไม่ง่ายเลยครับกับการดูแลแคคตัสตอนช่วงหน้าฝน แต่ก็ต้องเดินหน้ากันต่อไป
.
พอฝนเริ่มซา ฤดูกาลเริ่มเข้าหน้าหนาว แดดเริ่มดี เจ้าแคคตัสช่วงปลายปีก็เริ่มออกดอกกันสดใส แต่บางวันก็แดดอาจจะแรงไปบ้าง แต่ก็ไหว ไม่มีปัญหา เป็นช่วงที่ผมค่อนข้างสบายๆ มีแอบแวบๆ ไปสนใจไม้พวกแมมมิลลาเลียบ้าง เพราะช่วงนี้เจ้าแมมออกดอกดีจริงๆ ทำเอาผมเริ่มหลงแมมขึ้นมาเลย แต่แอสโตรก็ยังเป็นที่หนึ่งอยู่นะ ยังผสมเกสร เพาะเมล็ดอยู่เลย อย่างล่าสุดตอนช่วงหยุดปีใหม่ ผมนั่งเปลี่ยนดินเปลี่ยนกระถาง เพาะเมล็ดแอสโตร ทั้งวันแทบไม่ได้ไปไหนเลยเหมือนกันครับ
ตอนนี้ก็เริ่มต้นปีใหม่ สำหรับตัวผมก็คงจะเหมือนเดิม ปลูกแคคตัส เขียนบทความ พยายามเรียนรู้พัฒนาการปลูกต้นไม้ต่อไป ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามกันมา เป็นกำลังใจให้กันมา เรามาปลูกต้นไม้ไปด้วยกัน เติบโตไปด้วยกันนะครับ
ก่อนจากกันไป ขอลงภาพแอสโตรออกดอกปิดท้ายสัก 1 ชุดแล้วกันนะครับ
.
.
.
.
แล้วพบกันใหม่นะครับ
เขียนดีมากเลยค่ะ อ่านเพลินสุดๆ
ReplyDeleteน้องน่ารักทุกต้นเลย